นิตยสารออนไลน์ : เบบี้หรรษา » แม่และเด็ก http://www.babyhunsa.com นิตยสารออนไลน์ Magazine Online บันเทิง เรื่องน่ารู้ Wed, 18 Jan 2012 06:45:22 +0000 en hourly 1 http://wordpress.org/?v=3.3.2 หรือ ลุง ป้า น้า อา ตามสายเลือดจะหายไป http://www.babyhunsa.com/%e0%b8%ab%e0%b8%a3%e0%b8%b7%e0%b8%ad-%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%87-%e0%b8%9b%e0%b9%89%e0%b8%b2-%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b2-%e0%b8%ad%e0%b8%b2-%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%94%e0%b8%88%e0%b8%b0%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b9%84%e0%b8%9b/ http://www.babyhunsa.com/%e0%b8%ab%e0%b8%a3%e0%b8%b7%e0%b8%ad-%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%87-%e0%b8%9b%e0%b9%89%e0%b8%b2-%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b2-%e0%b8%ad%e0%b8%b2-%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%94%e0%b8%88%e0%b8%b0%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b9%84%e0%b8%9b/#comments Fri, 16 Sep 2011 13:28:20 +0000 babyhunsa http://www.babyhunsa.com/?p=386 เชื่อกันบ้างหรือไม่ว่า ลุง ป้า น้า อา ตามสายเลือดกำลังจะหายไป เด็กๆ รุ่น หลาน และ เหลน จะนับลำดับวงศาคณาญาติได้ยากขึ้น อะไรเป็นสาเหตุ มาติดตามกัน

จริงๆ ก็เผอิญไปแวะอ่านผ่านหูผ่านตา เจอเรื่องนี้จาก คู่สร้างคู่สม โดยไม่เจตนาเท่าไหร่นัก แบบผ่านหูผ่านตา ก็เลยอยากเอามาเขียนลงเว็บไว้บ้างจริงๆ เรื่องเกี่ยววงศาคณาญาติ ลุง ป้า น้า อา กำลังจะหายไป จนเด็กๆ รุ่น หลาน และ เหลน จะนับญาติกันไม่ถูก แต่จริงๆ เรื่องแบบนี้น่าจะเกิดกับสังคมชาวจีนที่กฎหมายบังคับให้แต่ละครอบครัว “ให้มีลูกสืบสกุลไม่เกินหนึ่งคน” มานานแล้ว

เอาเป็นว่าเราลองนับวงศาคณาญาติกันตามสายเลือด ลุง ป้า น้า อา กันดูก่อน ก่อนจะเข้าเนื้อหากัน

  • ลุง: หมายถุง พี่ชาย ของ พ่อ หรือ แม่
  • ป้า: หมายถึง พีสาว ของ พ่อ หรือ แม่
  • น้า: หมายถึง น้องสาว หรือ น้องชาย ของ แม่
  • อา: หมายถึง น้องสาว หรือ น้องชาย ของพ่อ

เอาหละทีนี้ พอเริ่มๆ ลำดับวงศาคณาญาติกันได้บ้างแล้ว ทีนี้มาว่ากันเรื่องราวที่ว่ามันมีที่มาที่ไปกันเป็นยังไง เรื่องของเรื่องจริงๆ ก็เริ่มจะเห็นกันบ้างในสังคมยุกต์ปัจจุบันกันบ้างแล้วหละ ที่แต่ละครอบครัวเริ่มนิยมมีลูกคนเดียว อาจจะเป็นเพราะค่าครองชีพที่สูงขึ้น นโยบายคุมกำเนิดมีประสิทธิภาพจนได้ประสิทธิผลตามมาก็คือ “แต่ละครอบครัวนิยมมีลูกคนเดียว” กันมากขึ้น ปัญหาที่กำลังจะเกิดกับรุ่น หลาน และ เหลน ของเราก็คือ

  • ลุง คือใครอธิบายได้ยากเพราะทั้ง พ่อ และ แม่ ไม่มีใครมีพี่ชายเลย
  • ป้า คือใคร? งงเหมือนกันและยังยากที่จะอธิบายว่า พี่สาว ของ พ่อ และ แม่ คือใครเพราะไม่มีตัวอย่างจะใช้อธิบาย
  • น้า คือใคร นี่ก็ยาก เพราะ แม่ ไม่มี น้องชาย หรือ น้องสาว
  • อา ในอนาคตจะบอกได้ไหมว่า น้องสาว หรือ น้องชาย ของ พ่อ คืออะไร

คิดไปถึงเด็กรุ่นๆ หลาน และ เหลน เวลาเรียนวิชาสังคมระดับประถมศึกษา คงจะเริ่มลำบากกันจริงๆ แล้วหละ เพราะจะไม่รู้จักกันจริงๆ ว่า ลุง ป้า น้า อา ตามสายเลือดจริงๆ นั้นหมายถึงอะไร จะรู้จักบ้างก็น่าจะเป็นญาติห่างๆ กันมากกว่า หรือ อาจะรู้จักในอีกมุมคือ

  • ลุง: คือ ผู้ชาย ที่มีอายุมากกว่า พ่อ และ แม่
  • ป้า: คือ ผู้หญิง ที่มีอายุมากกว่า พ่อ และ แม่
  • น้า: คือ ผู้ชาย หรือ ผู้หญิง ที่มีอายุน้อยกว่า พ่อ และ แม่
  • อา: อาจจะเป็นคำที่เด็กรุ่น หลาน และ เหลน ไม่รู้จักเลยก็เป็นไปได้

จริงเรื่อง ลุง ป้า น้า อา ตามสายเลือดที่กำลังจะหายไป มันเป็นเรื่องคิดเชิงตลกๆ ไม่มีสาระแก่นสารอะไรหรอก แต่ไม่แน่นะมันมีความเป็นไปได้ หรือคุณๆ มีความเห็นกันอย่างไรบ้างหละ?

]]>
http://www.babyhunsa.com/%e0%b8%ab%e0%b8%a3%e0%b8%b7%e0%b8%ad-%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%87-%e0%b8%9b%e0%b9%89%e0%b8%b2-%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b2-%e0%b8%ad%e0%b8%b2-%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%94%e0%b8%88%e0%b8%b0%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b9%84%e0%b8%9b/feed/ 1
เลือกซื้อคาร์ซีทสำหรับเด็กเล็ก 1 – 4 ขวบ http://www.babyhunsa.com/%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b8%8b%e0%b8%b7%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%84%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%8b%e0%b8%b5%e0%b8%97%e0%b8%aa%e0%b8%b3%e0%b8%ab%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%81%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b9%87%e0%b8%81-1-4-%e0%b8%82%e0%b8%a7%e0%b8%9a/ http://www.babyhunsa.com/%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b8%8b%e0%b8%b7%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%84%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%8b%e0%b8%b5%e0%b8%97%e0%b8%aa%e0%b8%b3%e0%b8%ab%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%81%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b9%87%e0%b8%81-1-4-%e0%b8%82%e0%b8%a7%e0%b8%9a/#comments Thu, 15 Sep 2011 07:15:54 +0000 babyhunsa http://www.babyhunsa.com/?p=371 คาร์ซีทที่เหมาะสำหรับเด็กเล็ก 1 ขวบ – 4 ขวบ มีอยู่ 2 ประเภทคือ คาร์ซีทแบบเปลี่ยนรูปได้ และ คาร์ซีทแบบผสม ควรเลือกให้เหมาะสมกับ อายุ น้ำหนัก และ ส่วนสูง ของเด็ก

คาร์ซีทสำหรับเด็กเล็ก 1 ขวบ ถึง 4 ขวบ หรือ น้ำหนัก 9 กิโลกรัม ถึง 18 กิโลกรัม มันเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าแบบไหนถึงจะเหมาะกับเด็กเล็กจริงๆ ประเด็นคือ คุณพ่อ หรือ คุณแม่ เริ่มให้ ลูกแรกเกิด หรือ เด็กอ่อน นั่งคาร์ซีทประเภทไหนหละ? ปัญหายากๆ ที่จะตีโจทย์ให้แตกก็คือมันเหลื่อมๆ กันอยู่ในระหว่าง คาร์ซีท แต่ละรุ่นนั่นเอง จริงๆ เรื่องนี้มันมีความสัมพันธ์กับ การเลือกคาร์ซีทสำหรับเด็กอ่อนหรือเด็กแรกเกิด อย่างแยกไม่ออกจริงๆ และก็ขอย้ำอีกครั้งว่าการเลือกซื้อคาร์ซีทนั้นมันสัมพันธ์กับ อายุ น้ำหนัก ส่วนสูงของเด็กครับ

เด็กเล็ก 1 ขวบ ถึง 4 ขวบ เป็นวัยที่สามารถนั่งหันหน้าไปทางด้านหน้าของรถยนต์ได้แล้ว (Forward-Facing Position) อาจจะเป็นเพราะว่ากระดูกมีความแข็งแรงมากพอแล้ว แต่คำแนะนำจากหลายๆ ท่านผู้เชี่ยวชาญก็คือให้เด็กนั่งหันหน้าไปทางกระจกหลังให้นานที่สุด จนกว่าน้ำหนักเด็กจะถึงน้ำหนักสูงสุดของคาร์ซีทสำหรับเด็กอ่อน (Infant Car Seat) ในแต่ละรุ่นกำหนดไว้สำหรับการนั่งแบบหันหลัง เพื่อให้ตัวเบาะเป็นตัวช่วยซับพอร์ท ศีรษะ คอ หลัง ของเด็กอ่อนที่กำลังอยู่ในช่วงพัฒนาการให้นานที่สุดนั่นเอง

สำหรับคาร์ซีทที่เหมาะสำหรับเด็กเล็ก 1 ขวบ – 4 ขวบ หรือ น้ำหนัก 9 กิโลกรัม ถึง 18 กิโลกรัม นั้นมีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภทคือ คาร์ซีทแบบเปลี่ยนรูปได้ (Convertible Car Seat) และ คาร์ซีทแบบผสม (Combination Car Seat) เดี๋ยวเรามาดูถึงรายละเอียดแต่ละประเภทเลยครับ

คาร์ซีทแบบเปลี่ยนรูปได้ (Convertible Car Seat)

คาร์ซีทแบบเปลี่ยนรูปได้

ภาพ คาร์ซีทแบบเปลี่ยนรูปได้ (Convertible Car Seat)

จริงๆ ก็กล่าวถึง คาร์ซีทแบบเปลี่ยนรูปได้ (Convertible Car Seat) ไป 2-3 เรื่องแล้ว ว่ามันเป็นคาร์ซีทที่ออกมาออกแบบสำหรับเด็กอ่อน เด็กแรกเกิด จนถึงน้ำหนัก 9 กิโลกรัม หรือ อายุ 1 อยู่ในลักษณะหันหลังไปทางกระจกหลังของรถ (Rear-Facing Position Mode) หลังจากนั้นตัวเบาะเองก็สามารถปรับหันเพื่อให้เด็กสามารถนั่งหันหน้าไปทางกระหน้ารถ (Forward Facing Mode) ได้จนเด็กมีน้ำหนักถึง 18 กิโลกรัม หรือ อายุ 4 ขวบ

แต่ คาร์ซีทแบบเปลี่ยนรูปได้ในรุนใหม่ๆ มักจะออกแบบมาให้รองรับน้ำหนักได้มากกว่า 9 กิโลกรัมสำหรับการนั่งแบบหันหลัง บางรุ่นอาจจะได้ถึง 16 กิโลกรัม เลยทีเดียวก็เพื่อประโยชน์เรื่องการซับพอร์ท ศีรษะ คอ และหลัง ของเด็กอ่อนที่กำลังอยู่ในช่วงพัฒนาการ เช่นเดียวกัน คาร์ซีทแบบเปลี่ยนรูปได้รุ่นใหม่ก็มักจะออกแบบมารองรับให้เด็กเล็กนั่งแบบหันหน้าได้มากกว่า 18 กิโลกรัม บางรุ่นอาจจะสูงถึง 30 กิโลกรัม เพื่อให้เด็กได้รับการคุ้มครองด้วยสายรัดนิรภัยสำเด็กแบบ 5 จุดให้นานที่สุด ก่อนที่จะเปลี่ยนไปคาดด้วยเข็มนิรภัยแบบ 3 จุด (Safety belt) ที่ติดมากับตัวรถ เพื่อประโยชน์ด้านความปลอดภัยของเด็กเล็ก

ลักษณะเด่นๆ ของ คาร์ซีทแบบเปลี่ยนรูปได้ ก็คือ จะมีช่อง 2 ช่อง สำหรับสอด เข็มขัดนิรภัยของรถยนต์ หรือ สายของระบบ LATCH เพื่อยึดตัวคาร์ซีทกับรถยนต์ ช่องแรกจะถูกออกแบบมาใช้เมื่อใช้งานตัวคาร์ซีทในรูปแบบให้เด็กอ่อนนั่งหันหลัง และ อีกช่องก็เพื่อใช้กับคาร์ซีทเมือใช้งานในรูปแบบเด็กเล็กนั่งหันหน้า ดังนั้นจะต้องระวังในการใช้งานให้ถูกช่อง

ข้อด้อย แม้ตัว คาร์ซีทแบบเปลี่ยนรูปได้ นี้จะถูกออกแบบมาสำหรับเด็กอ่อนแรกเกิดไปจนถึงเด็กมีน้ำหนัก 18 กิโลกรัม หรือ อายุ 4 ก็ตาม แต่หลังจากนี้เด็กจะต้องเปลี่ยนไปนั่งเบาะเสริม (Booster Seat) เพื่อเสริมให้เด็กได้รับการรัดจากเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด ได้อย่างเหมาะสม นั่นคือจะต้องซื้อเบาะเสิรมให้เด็กอีกครั้งอยู่ดี

คาร์ซีทแบบผสม (Combination Car Seat)

คาร์ซีทแบบผสม

ภาพ คาร์ซีทแบบผสม (Combination Car Seat)

หากคุณพ่อหรือคุณแม่เลือก คาร์ซีทสำหรับเด็กอ่อน (Infant Car Seat) ให้ลูกตั้งแต่แรกเกิด เมื่อเด็กอ่อนมีน้ำหนักถึง 9 กิโลกรัม หรือ อายุ 1 ขวบ (หรืออาจจะมากกว่านี้ตามแต่ละรุ่นของคาร์ซีท) ก็ถึงเวลาที่เด็กเล็กจะต้องหันหน้าไปทางด้านหน้า (Forwar-Facing Position) ของรถยนต์แล้ว กรณีนี้คาร์ซีทที่เหมาะสมที่จะแนะนำให้ก็คือ คาร์ซีทแบบผสม (Combination Car Seat) เป็นคาร์ซีทที่ออกแบบมาสาหรับเด็กเล็ก อายุ 1 ขวบ ถึง 4 ขวบ หรือน้ำหนัก 9 กิโลกรัม ถึง 15 กิโลกรัม นั่งแบบหันหน้าไปด้านหน้า (Forward-Facing Position) เพื่อได้รับการรัดจากสายรัดนิรภัยแบบ 5 จุด (Five-Point Harness) จากจากนั้นก็สามรถปรับเปลี่ยนไปใช้งานในรูปแบบเบาะเสริมทั้งในรูปแบบ เบาะเสริมแบบมีพนักพิงหลัง (High-Back Booster) และ เบาะเสริมแบบไม่มีพนักพิงหลัง (Backless Booster) เพือเสริมตัวเด็กให้สูงขึ้นเพื่อได้รับการรัดจากเข็มนิรภัยแบบ 3 จุด (Safety belt) ของรถยนต์ จนเด็กมีอายุ 8 ขวบ

ทำไมจะต้องเด็กเล็กจะต้องรัดด้วยเข็มขัดนิรภัยแบบ 5 จุด? สาเหตุก็เพราะว่าเข็มขัดนิรภัยจะคาดผ่านรางกายเด็กอ่อนในจุดที่แข็งแรงๆ เช่นไหล่ทั้งสองพาดผ่านหน้าอก ไปคาดผ่านกระดูกเชิงการ หน้าตัก ขณะเกิดอุบัติเหตุจนรถยนต์ต้องหยุดแบบกะทันหัน ตัวเข็มขัดนิรภัยนี้จะเป็นตัวยึดเด็กไว้กับตัวเบาะ ป้องกันไม่ให้เด็กปลิวไปกระแทกส่วนแข็งๆ เช่นด้านหลังของเบาะหน้ารถยนต์  ป้องกันหรือลดการบาดเจ็บที่จะเกิดขึ้นกับเด็กเล็กได้

เมื่อไหร่ควรจะใช้งาน คาร์ซีทแบบผสม ในรูป เบาะเสริมแบบมีพนักพิง? หากเบาะหลังของรถยนต์ไม่มีทีพักศีรษะสำหรับเด็ก ก็จำเป็นที่จะต้องเลือกใช้เบาะเสริมแบบมีพนักพิงหลัง

เมื่อไหร่ควรจะใช้งาน คาร์ซีทแบบผสม ในรูป เบาะเสริมแบบไม่มีพนักพิงหลัง? หากเบาะหลังของรถยนต์มีที่พักศีรษะอยู่แล้ว ก้สามารถใช้คาร์ซีทในรูปแบบ เบาะเสริมแบบไม่มีพนักพิงหลัง ได้เลย

สำหรับท่านผู้อ่านที่ค่อนข้างเชี่ยวชาญภาษาอังกฤษ มีความประสงค์จะแวะชมสินค้าคาร์ซีทจาก amazon.com เพื่อไว้ใช้เป็นข้อมูลเปรียบเทียบสินค้า กรุณาคลิก Top Rated Car Seat เพื่อแวะชมสินค้าได้ครับ มีคาร์ซีทยี่ห้อดีๆ แบรนด์ระดับโลก ราไม่แพง ส่วนเรื่องการขนส่ง ภาษีศุลกากร อันนี้ผมไม่เชี่ยวชาญ ลองๆ ศึกษาดูครับ

ขอสรุปว่า ไม่ว่าจะเป็น คาร์ซีทสำหรับเด็กเล็ก 1 ขวบ ถึง 4 ขวบ หรือ น้ำหนัก 9 กิโลกรัม ถึง 18 กิโลกรัม หรือไม่ก็ตาม ประเด็นสำคัญก็คือ คาร์ซีทมันเป็นอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัยให้กับเด็ก และ ให้ความสะดวกสบายให้กับเด็ก คือประเด็นหลักๆ ในการเลือก การเลือกคาร์ซีทสำหรับเด็กจะมีความสัมพันธ์กับ อายุ น้ำหนัก และ ความสูง ของเด็กๆ เป็นหลักๆ ที่จะต้องใช้ในการพิจารณา

]]>
http://www.babyhunsa.com/%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b8%8b%e0%b8%b7%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%84%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%8b%e0%b8%b5%e0%b8%97%e0%b8%aa%e0%b8%b3%e0%b8%ab%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%81%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b9%87%e0%b8%81-1-4-%e0%b8%82%e0%b8%a7%e0%b8%9a/feed/ 0
เลือกคาร์ซีทสำหรับเด็กอ่อนเด็กแรกเกิด http://www.babyhunsa.com/%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b8%84%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%8b%e0%b8%b5%e0%b8%97%e0%b8%aa%e0%b8%b3%e0%b8%ab%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%81%e0%b9%81%e0%b8%a3%e0%b8%81%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b8%94/ http://www.babyhunsa.com/%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b8%84%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%8b%e0%b8%b5%e0%b8%97%e0%b8%aa%e0%b8%b3%e0%b8%ab%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%81%e0%b9%81%e0%b8%a3%e0%b8%81%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b8%94/#comments Sun, 11 Sep 2011 15:34:46 +0000 babyhunsa http://www.babyhunsa.com/?p=352 คาร์ซีทเด็กอ่อนเด็กแรกเกิด จริงๆ แล้วมีใช้กันอยู่ 2 ประเภทคือ เบาะนั่งเด็กอ่อน (Infant Car Seat) และ เบาะนั่งเด็กแบบเปลี่ยนรูปได้ (Convertible Car Seat)

คาร์ซีทสำหรับเด็กอ่อนหรือเด็กแรกเกิดควรจะเป็นยังไงนะ? คาร์ซีทสำหรับเด็กอ่อนหรือเด็กแรกเกิดควรเป็นชนิด เด็กนั่งหันหน้าไปทางกระจกหลัง (Rear Facing) และทำมุมเอียงประมาณ 45o ทำไมจะต้องเป็นแบบนี้ด้วยหละ? เมื่อเกิดอุบัติเหตุรถชนกันด้านหน้า หรือ การเบรกรถกะทันหัน แรงจากการชน (Collision Force) จะถูกถ่ายเทไปที่เข็มขัดนิรภัย (Safety Belt) หรือ ระบบ LATCH ซึ่งเป็นสิ่งยึดตัวคาร์ซีทเอาไว้กับตัวรถยนต์ และด้วยลักษณะกึ่งนั่งกึ่งนอนของเด็กอ่อนหรือเด็กแรกเกิดบนคาร์ซีท พลังงานที่เหลือจากการชนจะถ่ายเทไปที่ หลัง กระดูก หรือ กล้ามเนื้อ ของเด็กอ่อนหรือเด็กแรกเกิด ตัวคาร์ซีทจะรองพื้นด้วยโฟมความหนาแน่นสูงจากนั้นจะถูกคลุมด้วยเบาะนุ่มๆ เป็นตัวช่วยซับพอร์ทป้องกันเด็กบาดเจ็บและให้ความรู้สึกสบายแก่เด็ก

แล้วเข็มขัดนิรภัยสำหรับเด็กละสำคัญไหม? เข็มขัดนิรภัยสำหรับเด็กถือว่าเป็นสิ่งที่จะต้องพิจารณาอันดับต้นๆ ในการเลือกซื้อ คาร์ซีทสำหรับเด็กอ่อนหรือเด็กแรกเกิด  มีหน้าที่หลักๆ ก็คือยึดตัวเด็กไว้กับตัวคาร์ซีทป้องกันไม่ให้เด็กๆ ปลิวไปกระแทกกับส่วนแข็งๆ ของตัวรถยนต์ (ยังไงๆ ก็ลองคลิก เข็มขัดนิรภัยสำหรับเด็ก ชนิดต่างๆ เพื่อแวะเข้าไปอ่านเป็นข้อมูลสำหรับตัดสินใจเลือกซื้อคาร์ซีทให้เด็กอ่อนหรือเด็กแรกคลอดได้ครับ)

คาร์ซีทสำหรับเด็กอ่อนหรือเด็กแรกเกิดมีแบบไหนบ้าง? จริงๆ แล้ว คาร์ซีทสำหรับเด็กอ่อนหรือเด็กแรกเกิดมี 2 ชนิดด้วยกันคือ คาร์ซีทสำหรับเด็กอ่อน (Infant Car Seat) และ คาร์ซีทแบบเปลี่ยนรูปได้ (Convertible Car Seat)

คาร์ซีทสำหรับเด็กอ่อน (Infant Car Seat)

คาร์ซีทสำหรับเด็กอ่อนคาร์ซีทสำหรับเด็กอ่อน (Infant Car Seat) เป็นคาร์ซีทสำหรับเด็กอ่อนหรือเด็กแรกเกิดที่ลักษณะเป็นแอ่งเหมือนกระทะ ออกแบบมาสำหรับเด็กที่มีน้ำนักไม่เกิน 9 กิโลกรัม หรืออายุไม่เกิน 1 ปี สำหรับนั่งหันหน้าไปทางด้านหลังของรถยนต์เท่านั้น แต่สำหรับคาร์ซีทสำหรับเด็กอ่อนรุ่นใหม่ยี่ห้อดีๆ มักจะถูกออกแบบให้รับน้ำหนักได้มากกว่านี้ เพื่อรองรับเด็กที่มีอัตราการเจริญเติบโตไม่เท่ากัน เพื่อเป็นการการันตีว่าเจ้าคาร์ซีทสำหรับเด็กอ่อนนี้สามารถให้เด็กนั่งในลักษณะหันหน้าไปทางด้านหลังอย่างน้อยเป็นระยะเวลา 1 ปี ซึ่งถือว่าเป็นท่านั่งที่ปลอดภัยที่สุด และควรให้เด็กนั่งในท่านี้นานที่สุดจนถึงขีดจำกัดสูงสุดที่กำหนดไว้สำรับแต่ละรุ่น แต่ก็ต้องคำนึงถึงความสูงของศีรษะเด็กว่า จะต้องต่ำกว่าขอบบนของตัวคาร์ซีทสำหรับเด็กอ่อนนี้

ลักษณะเด่นๆ ของ คาร์ซีทสำหรับเด็กอ่อนก็คือ ตัวคาร์ซีทไม่ได้ประกอบไปที่รถยนต์โดยตรง แต่จะวางบนฐาน (Base) ซึ่งตัวฐานจะถูกยึดไว้กับตัวรถด้วย เข็มขัดนิรภัย (Safety Belt) ของรถยนต์เอง หรือ อาจจะเป็นระบบ LATCH อีกที ดังนั้น! ตัว คาร์ซีทสำหรับเด็กอ่อน เองจึงสามารถปลดออกจากตัวรถเพื่อใช้งานในลักษณะ ตะกร้าหิ้วเด็กอ่อน (Infant Carrier) หิ้วเด็กไปที่ไหนๆ หรืออาจจะประกอบเข้ากับรถเข็นเด็ก (Stroller) (หลายๆ รุ่น หรือ หลายๆ ยี่ห้อ ในปัจจุบันมักจะออกแบบมาให้สามารถให้ใช้งานได้ในลักษณะนี้) ทำให้สะดวกในการไปสถานที่ต่างๆ

แต่อย่างไรก็ตามตัว คาร์ซีทสำหรับเด็กอ่อน ก็ยังมีจุดด้อยเช่นกัน เมื่อใช้งานในลักษณะตะกร้าหิ้วเด็กอ่อน จะต้องให้หูหิ้วอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องและล็อคให้แน่นหนา ไม่เช่นนั้นแทนที่จะอำนวยความสะดวก แต่ตะกร้าอาจจะเอียงทำให้ตัวเด็กร่วงตกจากตะกร้าได้ ซึ่งนับว่าเป็นอันตรายเป็นอย่างมาก

คาร์ซีทแบบเปลี่ยนรูปได้ (Convertible Car Seat)

คาร์ซีทแบบเปลี่่ยนรูปได้จริงๆ แล้วตัว คาร์ซีทแบบเปลี่ยนรูปได้ (Convertible Car Seat) จะถูกออกแบบมาให้เหมาะกับเด็กเด็กวัยแรกเกิดถึงวัย 1 ขวบ หรือถึงน้ำหนัก 9 กิโลกรัมนั่งหันหลัง (Rear Facing Position) จากกนั้นตัวคาร์ซีทก็สามารถปรับให้เด็กหันหน้าไปด้านหน้าของรถยนต์ได้ (Forward Facing Position) จนเด็กมีน้ำหนัก 16 กิโลกรัม หรือ อายุ 4 ขวบ จะเรียกว่าลงทุนครั้งเดียวสามารถใช้งานระยะยาวก็ว่าได้

ตัว คาร์ซีทแบบเปลี่ยนรูปได้ (Convertible Car Seat) จะมีจุดด้อยคือ มีน้ำหนักมาก ขนาดค่อนข้างใหญ่  เทอะทะ ที่สำคัญคือจะต้องติดตั้งเข้าไปในตัวรถยนต์โดยตรงไม่มีฐานแยกต่างหาก ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้งานในรูปแบบตะกร้าหิ้วเด็กได้เหมือนอย่าง คาร์ซีทสำหรับเด็กอ่อน และที่สำคัญคือตัว คาร์ซีทแบบเปลี่ยนรูปได้ บางรุ่น ก็ออกแบบมาสำหรับเด็กอายุ 3 เดือนขึ้นไปโดยเฉพาะ ทำให้ไม่เหมาะกับเด็กแรกเกิด

จริงแล้วสำหรับผู้เชี่ยวชาญมักจะแนะนำให้เด็กอ่อนนั่งบนคาร์ซีทในลักษณะนั่งหันหน้าไปทางด้านหลังของรถยนต์ ซึ่งถือว่าเป็นลักษณะที่ปลอดภัยที่สุด เพราะตัวเบาะจะเป็นตัวคอยซับพอร์ต ศีรษะ คอ และหลัง ที่กำลังอยู่ในช่วงพัฒนาการ หากให้เด็กอ่อนหรือเด็กแรกเกิดนั่งหันหน้าไปทางด้านหน้าของรถยนต์โดยมีตัวเข็มขัดนิรภัยยึดตัวเด็กไว้ เมือเกิดอุบัติเหตุจะทำให้เด็กถูกกระชากไปด้านหน้าอย่างแรง ด้วยลักษณะของเด็กอ่อนคือคออ่อน กระดูกอ่อน ศีรษะ ไหล่ ของเด็กจะถูกกระชากไปด้านหน้าอย่างรุนแรง ทำให้เด็กอ่อนได้รับบาดเจ็บสาหัส ในทางกลับกันหากให้เด็กนั่งหันหน้าไปทางด้านหลังของตัวรถ เมื่อเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ เช่นกันตัวเด็กอ่อนหรือเด็กแรกเกิดจะถูกกระชากไปด้านหน้ารถยนต์ แต่ศีรษะ คอ และหลังของเด็กจะถูกรองรับไว้ด้วยเบาะนุ่มๆ ของตัวคาร์ซีทเอง

ดังนั้นเด็กอ่อนควรจะนั่งในลักษณะนั่งหันหน้าไปทางด้านหลังของตัวรถยนต์อย่างน้อยจนกว่าอายุ 1 ขวบ หรือ น้ำหนัก 9 กิโลกรัม เพื่อประโยชน์ด้านความปลอดภัย หรือควรจะให้เด็กนั่งในลักษณะนี้นานที่สุดจนถึงน้ำหนักสูงสุดที่ตัวคาร์ซีทรุ่นนั้นๆ กำหนดไว้

ที่กล่าวมาเป็นเนื้อหา “คาร์ซีทสำหรับเด็กอ่อนเด็กแรกเกิด” ค่อนข้างจะเขียนออกในเชิงวิชาการนิดๆ จริงๆ แล้วหลายๆ คนเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องคาร์ซีท ไปคิดถึงแต่เรื่องความสวยความงาม จะต้องไม่ลืมสิ่งสำคัญสำหรับการเลือกคาร์ซีทสำหรับลูกคือ มันคืออุปกรณ์ป้องกันภัยสำหรับเด็กๆ และส่งเสริมความสะดวกสบายให้กับเด็ก จริงๆแล้วการเลือกคาร์ซีทให้กับลูกนั้นมันมีความสัมพันธ์กับ อายุ น้ำหนัก ส่วนสูง ของเด็กๆ ว่าควรจะใช้คาร์ซีทแบบใด ยังไงเรื่องนี้ก็น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับ การเลือกคาร์ซีทสำหรับเด็กอ่อนหรือเด็กแรกเกิด

อ่านเรื่องนี้ในภาคภาษาอังกฤษได้ที่ What is the car seat for infants from birth to 20 pounds?

]]>
http://www.babyhunsa.com/%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b8%84%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%8b%e0%b8%b5%e0%b8%97%e0%b8%aa%e0%b8%b3%e0%b8%ab%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%81%e0%b9%81%e0%b8%a3%e0%b8%81%e0%b9%80%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b8%94/feed/ 1
เข็มขัดนิรภัยเด็ก สิ่งที่จะต้องรู้จักไว้ http://www.babyhunsa.com/%e0%b9%80%e0%b8%82%e0%b9%87%e0%b8%a1%e0%b8%82%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%99%e0%b8%b4%e0%b8%a3%e0%b8%a0%e0%b8%b1%e0%b8%a2%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%81-%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%88%e0%b8%b0%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%88%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b9%84%e0%b8%a7%e0%b9%89/ http://www.babyhunsa.com/%e0%b9%80%e0%b8%82%e0%b9%87%e0%b8%a1%e0%b8%82%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%99%e0%b8%b4%e0%b8%a3%e0%b8%a0%e0%b8%b1%e0%b8%a2%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%81-%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%88%e0%b8%b0%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%88%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b9%84%e0%b8%a7%e0%b9%89/#comments Sat, 20 Aug 2011 06:08:04 +0000 babyhunsa http://www.babyhunsa.com/?p=278 เข็มขัดนิรภัยเด็ก มี 3 แบบด้วยกันคือ เข็มขัดนิรภัยเด็กแบบห้าจุด, เข็มขัดนิรภัยเด็กแบบมีที่กำบังรูปตัว T และเข็มขัดนิรภัยเด็กแบบมีที่กำบังแบบตัวกั้น

ทำไมจะต้องพูดถึงเข็มขัดนิรภัยเด็ก? เผอิญจริงๆ ที่หลังจากคราวที่แล้วได้พูดถึง Car Seat เบาะนั่งเด็ก ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักๆ สำหรับการใช้งานก็คือ ป้องกันหรือลดการบาดเจ็บที่จะเกิดขึ้นกับตัวเด็กในขณะเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์อันไม่พึงประสงค์ สำหรับเบาะนั่งเด็กนั้นจะต้องมีเข็มขัดนิรภัยเด็กประกอบมาด้วยเสมอ และตัวเข็มขัดนิรภัยเด็กนี้จัดเป็นส่วนสำคัญอันดับต้นๆ ในการตัดสินใจเลือกซื้อ เบาะนั่งเด็ก (Car Seat) สำหรับเด็กอีกด้วย

เข็มขัดนิรภัยเด็กทำหน้าที่อะไร? สำหรับหน้าที่หลักๆ ของเข็มขัดนิรภัยเด็กก็คือ ยึดและจำกัดการเคลื่อนไหวของเด็กไม่ให้เลื่อนไถลไปกระแทกส่วนต่างๆ ในรถยนต์ในขณะเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์อันไม่พึงประสงค์นั่งเอง

แล้วมีแบบไหนบ้างหละ? จริงๆ แล้วเข็มขัดนิรภัยเด็กนั้นมีมากมายหลายชนิดด้วยกัน แต่ในที่นี้จะขอกล่าวถึงเฉพาะที่ใช้กับเบาะนั่งเด็กเท่านั้น ดูๆ แล้วก็จะมีอยู่ 3 แบบที่ใช้งานกันคือ เข็มขัดนิรภัยเด็กแบบห้าจุด (Five-Point Harness), เข็มขัดนิรภัยเด็กแบบมีที่กำบังรูปตัว T (T-Shield Harness) และเข็มขัดนิรภัยเด็กแบบมีที่กำบังแบบตัวกั้น (Bar-Shield Harness)  จริงๆ เรื่องนี้ก็เขียนไว้ในภาษาอังกฤษเช่นกันในเรื่อง Car Seat Safety Harnesses for Children  (กรุณาคลิก Car Seat Safety Harnesses for Children เพื่อแวะชม ขออกตัวว่า อาจจะมีจุดบกพร่องหลายจุดเนื่องจากความไม่เชี่ยวชาญเรื่องภาษา)

เข็มขัดนิรภัยเด็กแบบห้าจุด (Five-Point Harness)

เข็มขัดนิรภัยเด็กแบบห้าจุด

เข็มขัดนิรภัยเด็กแบบห้าจุด

เป็นที่ยอมรับกันโดยผู้เชี่ยวชาญหลายๆ ท่านว่า เข็มขัดนิรภัยเด็กแบบห้าจุด (Five-Point Harness) นั้นถือว่าให้ความปลอดภัยภัยกับเด็กมากที่สุด ตัวเข็มขัดนิรัยเด็กตัวนี้มีลักษณะการใช้งานก็คือพาดผ่านลงมาผ่าน หัวไหล่ทั้งสอง หน้าอก ไปยึดไว้ที่ระว่างสะโพกและขาอ่อนทั้งสองด้านของเด็ก และอีกสายหนึ่งไปยึดที่ระหว่างหน้าขาของเด็ก ตัวเข็มขัดนิรภัยเด็กเองก็สามารถปรับให้เข้ากับรูปร่างเด็กได้ดีที่สุดและเหมาะใช้กับเด็กทุกๆ ขนาด และรุ่นหลังๆ นิยมเพิ่มให้มีตัวยึดระหว่างหน้าอกเด็กและตัวเข็มขัดเอง นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เข็มขัดนิรภัยเด็กตัวนี้ ยึดและจำกัดการเคลื่อนตัวของตัวเด็กได้ดีที่สุดในขณะเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ไม่ว่าจะเป็น การเคลื่อนไถลไปทางด้านน้าและการเคลื่อนไถลไปทางด้านข้างก็ตาม

เข็มขัดนิรภัยภัยเด็กแบบมีที่กำบังรูปตัว T (T-Shield Harness)

เข็มขัดนิรภัยภัยเด็กแบบมีที่กำบังรูปตัว T

เข็มขัดนิรภัยภัยเด็กแบบมีที่กำบังรูปตัว T

สำหรับตัว เข็มขัดนิรภัยภัยเด็กแบบมีที่กำบังรูปตัว T (T-Shield Harness) จะมีสาย (Strap) 2 สาย พาดผ่านไหล่เด็กไปยึดการ์ดกำบังพลาสติกรูปตัว T และปลายของการ์ดตัว T นี้จะถูกยึดไว้ที่ระหว่างขาของเด็ก ว่ากันว่าเป็นเข็มนิรภัยเด็กที่ให้ความปลอดภัยต่อเด็กน้อยที่สุดเลยก็ว่าได้ มิหนำซ้ำอาจจะสร้างอันตรายต่อเด็กเองด้วยซ้ำโดยเฉพาะยิ่งกับเด็กตัวเล็กๆ ด้วยแล้ว และก็ถูกเลิกใช้งานไปในหลายๆ ประเทศไปแล้วด้วยซ้ำ ตัวเข็มขัดนิรภัยแบบนี้จะตั้งอยู่บริเวณหน้าอกของเด็ก ทำให้มีช่องว่างระหว่าง สายรัด หัวไหล่เด็ก และ หน้าอก ทำให้จำกัดการเคลื่อนไหวหรือรั้งตัวของเด็กในขณะเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ไม่ดีนัก เวลาเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างกะทันหัน ตัวเด็กเองจะถูกกระชากไปประทะกับตัวกำบังเอง ซึ่งทำให้เด็กเด็กได้รับบาเจ็บได้ ซึ่งอาจเป็นเพียงแค่เล็กๆ น้อยๆ หรือ อาจจะสาหัสไปเลยก็ได้ เข็มขัดนิรภัยเด็กตัวนี้ไม่ควรใช้กับเด็กตัวเล็กๆ หรือเด็กอ่อน เนื่องจากตัวการ์ดจะไปอยู่ระดับหน้าเด็ก ทำให้เกิดการฟาดหน้าเด็กในขณะเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์นั่นเอง

เข็มขัดนิรภัยเด็กแบบมีที่กำบังแบบตัวกั้น (Bar-Shield Harness)

เข็มขัดนิรภัยเด็กแบบมีที่กำบังแบบตัวกั้น

เข็มขัดนิรภัยเด็กแบบมีที่กำบังแบบตัวกั้น

ข็มขัดนิรภัยเด็กแบบมีที่กำบังแบบตัวกั้น (Bar-Shield Harness) จะมีตัวกั้นที่สามารถโย้ข้ามหัวเด็กไปตั้งที่ระดับหน้าอกเด็ก (มีชื่อที่ยมเรียกอีกชื่อคือ Overhead-Shield Harness) โดยมีสายพาดเหนือไหล่เด็กทั้ง 2 ของตัวเด็กเป็นตัวยึดไว้ และจะมีสายยึดอีกสายไปยึดที่ระหว่างหน้าขาเด็ก สืบเนื่องจากตัวกั้นของเข็มขัดนิรภัยเด็กแบบนี้ไม่สามารถปรับตำแหน่งได้ ทำให้มีช่องว่างระหว่าง ตัวกั้น, หน้าอกเด็ก และแม้แต่ไหล่เด็ก ทำให้มีพื้นที่เคลื่อนไหว เมื่อเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์แบบกะทันหันจะทำให้เด็กเคลื่อนที่ไปด้านหน้า หรือแม้แต่ด้านข้างก็ตาม ตัวเด็กจะกระแทกตัวกั้นของสายรัดนิรภัยเด็กเองด้วยซ้ำ หากในขณะนั้นรถยนต์เคลื่อนที่ไม่เร็วนักก็คงเหลือทิ้งไว้เพียงรอยฟกช้ำดำเขียวที่ หน้าอก คาง ขากรรไกร หรือ ศีรษะเด็ก แต่ลองจินตนาการหากเกิดอุบัติเหตุในขณะที่รถยนต์เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงหละ คงจะเป็น ซี่โครงหัก ขากรรไกรแตก หรือร้ายๆ ก็คงถึงขั้นเสียชีวิตเลยที่เดียว และตัวเข็มขัดนิรภัยเด็กแบบนี้ไม่ควรใช้กับเด็กเล็กหรือเด็กอ่อนด้วยซ้ำ  เพราะระดับของตัวกั้นจะวางอยู่ระดับหน้าของเด็ก หากเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์แทนที่จะป้องกันตัวเด็กเองแต่ตัวกั้นเองจะเป็นตัวฟาดหน้าเด็กหรือศีรษะของเด็กเองด้วยซ้ำ

จริงๆ ก็มีเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด แต่จะเป็นตัวที่ติดมากับรถยนต์ (ที่นิยมเรียกกันว่า Safety Belt นั่นเอง) ซึ่งจะใช้กับเบาะนั่งเด็กแบบเสริม (Booster Car Seat) เหมาะสำหรับเด็กโต ในที่นี้เลยขอกล่าวถึงบ้างเล็กน้อยเนื่องจากเป็นเข็มนิรภัยที่ไม่ได้ติดมากับตัวเบาะนั่งเด็กโดยตรงนั่นเอง ตัวเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดนี้จะพาดเฉียงผ่านไหล่เด็กลงมายึดร่วมกับสายพาดอื่นที่พาดผ่านหน้าตักเด็กมายึดร่วมกันที่สะโพกเด็ก ที่เรียกกันว่าเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดก็เพราะถูกยึดไว้ด้วยตำแหน่ง 3 ตำแหน่งคือ ไหล่ 1 ที่ และที่สะโพกทั้ง 2 ด้านอีกด้านละ 1 ที่ รวมเป็น 3 จุดนั่นเอง

“โดยสรุปที่กล่าวถึง เข็มขัดนิรภัยเด็ก ก็เพราะมันเป็นส่วนสำคัญสำหรับการพิจารณาเลือกซื้อเบาะนั่งเด็ก ขึ้นชื่อว่าเบาะนั่งเด็ก วัตถุประสงค์หลักๆ คือ ป้องกันหรือลดการบาดเจ็บที่จะเกิดขึ้นกับเด็กขณะเกิดอุบติเหตุทางรถยนต์อันไม่พึงประสงค์ แต่เวลาเห็นเบาะนั่งเด็กในบ้านเราก็มักจะเห็นเบาะนั่งเด็กประเภทใช้เข็มนิรภัยเด็กที่มีที่กำบังแบบตัวกั้น แต่ก็อย่างที่กล่าวมาแล้ว ไม่ปลอดภัยเป็นอย่างมาก มิหนำซ้ำยังจะเป็นตัวฟาด ร่างกาย หน้าอก หรือแม้แต่หน้าเด็กเอง ในขณะเกิดอุบัติเหตุด้วยซ้ำ หรืออาจจะเป็นเพราะแบบนี้มันดูสวยงามน่าใช้ในความรู้สึกก็ว่าเป็นไปได้”

เบบี้หรรษา

]]>
http://www.babyhunsa.com/%e0%b9%80%e0%b8%82%e0%b9%87%e0%b8%a1%e0%b8%82%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%99%e0%b8%b4%e0%b8%a3%e0%b8%a0%e0%b8%b1%e0%b8%a2%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%81-%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%88%e0%b8%b0%e0%b8%95%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%88%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b9%84%e0%b8%a7%e0%b9%89/feed/ 3
Car Seat เบาะนั่งเด็ก http://www.babyhunsa.com/car-seat-%e0%b9%80%e0%b8%9a%e0%b8%b2%e0%b8%b0%e0%b8%99%e0%b8%b1%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%81/ http://www.babyhunsa.com/car-seat-%e0%b9%80%e0%b8%9a%e0%b8%b2%e0%b8%b0%e0%b8%99%e0%b8%b1%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%81/#comments Sun, 14 Aug 2011 11:42:17 +0000 babyhunsa http://www.babyhunsa.com/?p=261 จะซื้อ Car Seat หรือ เบาะนั่งเด็ก เราควรทำความเข้าใจ ประเภทของ Car Sear หรือ เบาะนั่งเด็ก ให้เข้าใจ เลือก ให้เหมาะกับ อายุ ขนาด และ น้ำหนัก ของเด็ก

Car Seat หรือ เบาะนั่งเด็ก จริงๆ คิดตั้งนานว่าจะใช้คำไหนดีสำหรับ Car Seat ที่คนไทยจะนิยมใช้มากที่สุด ท้ายที่สุดไม่รู้ทำไมตกลงใจกับคำว่า เบาะนั่งเด็ก นั่งคิดถึงเรื่อง รีวิวกันแบบบ้านๆ ไปเมื่อวานนี้ในเรื่อง “อุบัติเหตุในเด็ก รีวิวแบบบ้านๆ “  กับเรื่องที่ สภาวะที่ไม่ปลอดภัย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่จะต้องกำจัดออกไปเพื่อป้องกันอุบัติเหตุไม่ให้เกิดขึ้น สำหรับ Car Seat หรือ เบาะนั่งเด็ก ก็ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันหรือลดการบาดเจ็บที่จะเกิดขึ้นกับเด็กในขณะเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์อันคาดไม่ถึง ซึ่งหลักก็คือเขาวิเคราะห์ สภาวะไม่ปลอดภัยในขณะเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ แล้วตีโจทย์ออกมา สร้างเป็น Car Seat หรือ เบาะนั่งเด็ก เพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์ดังกล่าว

สำหรับบ้านเราอันนี้ไม่รู้จริงๆ ว่าเขาบังคับให้ใช้เจ้า Car Seat หรือ เบาะนั่งเด็ก สำหรับรถยนต์ทุกคันที่มีผู้โดยสารเด็กนั่งไปด้วยหรือป่าว แต่หากเป็นสหรัฐอเมริกา ทั้ง 50 รัฐ มีกฎหมายบังคับใช้กันหมดทุกรัฐ ถึงแม้จะมีความแตกต่างในข้อบังคับอยู่บ้าง สำหรับทางยุโรปเองก็มีกฎหมายบังคับใช้เช่นกัน Car Seat หรือ เบาะนั่งเด็ก เลยกลายเป็นสินค้าจำเป็นเข้าไปแล้วสำหรับแถบนั้น อะนะบ้านเราเริ่มคำนึงถึงความปลอดภัยของเด็กบ้างยังหละนี่

Car Seat

Car Seat เบาะนั่งเด็ก

สำหรับ เจ้า Car Seat หรือ เบาะนั่งเด็ก นั้นวัตถุประสงค์หลักๆ สำหรับการใช้งานก็คือ ยึด หรือ จำกัดขอบเขตการเคลื่อนไหวของเด็ก ไม่ให้ตัวเด็กไถลไปกระทบส่วนต่างๆ ของรถยนต์ ทำหน้าที่ถ่ายเทพลังงานจากการชน (Crash Force) จากตัวเด็กไปที่ตัว Car seat หรือ เบาะนั่งเด็กเอง หรือแม้กระทั่งตัวรถยนต์ก็ตาม (ต้องขออภัยที่มีศัพท์เทคนิค เล็ดรอด โผล่ออกมาเยอะแยะไปหมด) ตัว Car Seat หรือ เบาะนั่งเด็ก เองก็จะมีการ์ดข้างลึกๆ เพื่อป้องกันสิ่งของเข้ามากระทบตัวเด็กเช่นกัน มีผลทำให้ช่วยป้องกันหรือลดการบาดเจ็บ อันอาจเกิดขึ้นกับเด็ก ในขณะเกิดอุบัติเหตุอันไม่คาดฝันเกิดขึ้นนั่นเอง

เวลาไปหาซื้อสินค้าอะไรบางอย่าง หากเราไม่รู้เรื่องของตัวสินค้าอยู่บ้างสักนิดเลย มันเหมือนกับการที่เราไร้ทิศทางไร้ขอบเขตุ เช่นกันสำหรับการที่จะซื้อ Car Seat หรือ เบาะนั่งเด็ก ก็เหมือนกัน โดยเฉพาะ พ่อ แม่ มือใหม่ไม่มีประสบการณ์ยิ่งแล้วใหญ่ดูเป็นเรื่องซีเรียสไปเลย แล้วคนขายหละ? หากเป็นสักแต่ว่าอยากขายแต่ไม่รู้รายละเอียดเลย เราจะสูญป่าวกับการลงทุนไปเลยนะสิ เอาละสิ เอาเป็นว่ามารีวิวให้เห็นแบบกว้างๆ ไว้เป็นแนวทางบ้างจะได้มีข้อมูลไว้ใช้ประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อบ้าง เอาเป็นว่าขอแนะนำปัจจัยในการเลือกซื้อเจ้า Car Seat หรือ เบาะนั่งเด็กให้เห็นในรูปแบบภาษาบ้านๆ ง่ายๆ มีดังนี้คือ

  • ขนาดของตัวเด็ก (น้ำหนัก ส่วนสูง และ อายุ ) โดยเฉพาะ น้ำหนัก และ ส่วนสูง นี่ถือเป็นตัวหลักๆ เลย เพราะอะไรเหรอ เด็กแต่ละคนโตเร็วไม่เท่ากันนะสิ มันเลยถูกใช้เป็นเกณฑ์มากเสียยิ่งกว่าอายุเด็กเสียอีก
  • ความรู้สึกสะดวกสบายที่เด็กจะได้รับ ขณะใช้งาน
  • ความสะดวกในการใช้งานสำหรับ พ่อ แม่ หรือ ผู้ปกครอง ในการติดตั้ง และ การใช้งาน
  • ความสามารถป้องกันหรือลดการบาดเจ็บที่อาจจะเกิดขึ้น ในขณะเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์อันไม่พึงประสงค์

ประเภทของ Car Sear หรือ เบาะนั่งเด็ก

พูดถึงประเภทของ Car Seat หรือ เบาะนั่งเด็กกัน ลองๆ ตอบในใจก่อนที่จะติดตามเรื่องต่อ ว่าอะไรเป็นปัจจัยหลักๆ ในการแบ่งประเภทของ Car Seat หรือ เบาะนั่งเด็ก โดยหลักๆ แล้ว เราแบ่งประเภทของ Car Seat หรือ เบาะนั่งเด็กตาม ขนาด น้ำหนัก ส่วนสูง และ อายุของเด็ก โดยมี 2 มาตรฐานที่นิยมกันคือ แบบสหรัฐอเมริกา และ แบบยุโรป ที่จะเอามาเขียนเล่นๆ ให้อ่านกัน วันนี้จะอ้างอิงแบบสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก (จริงๆ จะไปหาอ่านก็เจอการจัดกลุ่มแตกต่างกันอยู่บ้าง แต่ก็อยู่ใต้พื้นฐานเดียวกันทั้งหมด) สำหรับเรื่องที่พล่ามๆ อยู่นี้ก็เขียนอยู่ในเรื่องเรื่อง Types of Car Seats for Children (คลิก Types of Car Seats for Children เพื่อแวะชม) เป็นภาคภาษาอังกฤษแบบ งูๆ ปลาๆ (Broken English) แต่กล้าเขียนถึงแม้รู้ตัวว่าด้อยรื่องเภาษา เพราะถือว่าคนอ่านเข้าใจเป็นหลักๆ ความถูกต้องเชิงภาษาไม่ใช่เรื่องสำคัญ อ้าว! แวะกลับมาเข้าเรือง Car Seat หรือ เบาะนั่งเด็ก ดีกว่า โดยทั่วไปเราแบ่ง Car Seat หรือ เบาะนั่งเด็ก ออกเป็น 4 ประเภทหลักๆ ด้วยกันคือ เบาะนั่งเด็กสำหรับเด็กอ่อน (Infant Car Seat), เบาะนั่งเด็กแบบเปลี่ยนรูปได้ (Convertible Car Seat), เบาะนั่งเด็กแบบผสม (Combination Car Seat) และ ท้ายสุดคือ เบาะนั่งเด็กแบบเบาะเสริม (Booster Car Seat) มาว่ากันคร่าวๆ ในแต่ละประเภทกันเลย

  1. Graco SnugRide 35 Infant Car Seatเบาะนั่งเด็กสำหรับเด็กอ่อน (Infant Car Seat) เหมาะสำหรับเด็กอ่อน แรกเกิด ถึง 1 ขวบ หรือ 2.30 กก. ถึง 9 กก. สำหรับเด็กนั่งในลักษณะหันหน้าไปทางกระจกหลัง (Rear-Facing) เพื่อส่งเสริมพัฒนาการการที่ หลัง คอ ของเด็ก และถือว่าเป็นท่านั่งในลักษณะที่ปลอดภัยที่สุดสุดสำหรับเด็กอ่อน โดยเบาะจะเป็นตัวช่วยซับพอร์ตด้านหลังของเด็กในขณะเกิดอุบัติเหตุจากการชนในลักษณะซึ่งหน้า ตัวเบาะนั่งสำหรับเด็กเอง จะต้องต้องมีฐานสำหรับติดตั้งบนเบาะของรถยนต์โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นข้อดีคือตัวเบาะนั่งสำหรับเด็กเองสามารถติดตั้งหรือถอดออกง่ายดาย สามารถใช้งานได้ในลักษณะ ตะกร้าหิ้วเด็ก (Infant Carrier) หิ้วเด็กไปที่ไหนๆ ได้ตามความต้องการ บางรุ่นยังออกแบบให้ใช้งานได้กับรถเข็นเด็ก (Stroller) เพิ่มความสะดวกสบายในการพาเด็กไปในที่ต่างๆ สำหรับเบาะนั่งสำหรับเด็กอ่อน จะมีสายรัดนิรภัยแบบ 5 จุด (Five-Point Harness) สำหรับเป็นตัวจำกัดการเคลื่อนไหวหรือยึดตัวเด็กไว้ เพื่อป้องกันหรือลดการบาดเจ็บของเด็กในขณะเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์
  2. Britax Marathon 70 Convertible Car Seatเบาะนั่งเด็กแบบเปลี่ยนรูปได้ (Convertible Car Seat) เป็น car Seat หรือ เบาะนั่งเด็ก ที่ออกแบบมาสำหรับเด็กนั่งหันหน้าไปทางกระจกหลัง (Rear-Facing) สำหรับเด็กหนัก 2.30 กก. ถึง 9 กก. หลังจากนั้นเบาะสามารถปรับไปใช้งานในรูปแบบให้เด็กนั่งหันหน้าไปทางด้านหน้าของรถยนต์ (Forward-Facing) สำหรับเด็กช่วงน้ำหนัก 9 กก. ถึง 18 กก. และเช่นกัน เบาะนั่งเด็กแบบเปลี่ยนรูปได้ยังคงใช้ สายรัดนิรภัยแบบ 5 จุด (Five-Point Harness) สำหรับเป็นตัวจำกัดการเคลื่อนไหวหรือยึดตัวเด็ก เพื่อป้องกันหรือลดการบาดเจ็บของเด็กในขณะเกิดอุบัติเหตุอันไม่พึงประสงค์ ข้อด้อยของ เบาะนั่งเด็กแบบเปลี่ยนรูปได้ ก็คือ มีน้ำหนักมาก ไม่มีฐานแยกต่างหาก จำเป็นจะต้องติดตั้งเข้าไปในรถเลย ไม่สามารถที่จะใช้งานเป็นแบบ ตะกร้าหิ้วเด็กได้
  3. Graco Nautilus-3-in-1 multiuse car seatเบาะนั่งเด็กแบบผสม (Combination Car Seat) ตัวนี้จะถือว่าเป็นตัวที่เรียกกันผิดพลาดบ่อยๆ เป็น เบาะนั่งเด็กแบบเปลี่ยนรูปได้ และ เบาะนั่งเด็กแบบเบาะเสริม สาเหตุก็เพราะเจ้า เบาะนั่งเด็กแบบผสมสามารถใช้งานได้ทั้งในรูปแบบ เด็กหันหน้าไปด้านหน้าของตัวรถ (Forward-Facing) และยังสามารถใช้เป็น เบาะนั่งเด็กแบบเบาะเสริม เจ้าเบาะนั่งเด็กแบบผสมใช้กับเด็กหนัก 9 กก. ถึง 18 กก. ในลักษณะเด็กนั่งหันหน้าไปทางด้านหน้าของตัวรถ โดยใช้งานร่วมกับสายรัดนิรภัยแบบ 5 จุด (Five-Point Harness) เพื่อเป็นตัวจำกัดการเคลื่อนไหวหรือยึดเด็กในขณะเกิดอุบัติเหตุ เมื่อเด็กโตจนถึงขีดจำกัดแล้ว ตัวสายรัดนิรภัยแบบ 5 จุดจะถูกถอดออก และเปลี่ยนไปใช้สายรัดนิรภัยแบบ 3 จุด (หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า Safety belt) ที่ติดมากับรถยนต์ เป็นตัวยึดและจำกัดการเคลื่อนไหวของเด็กแทน สำหรับตัวเบาะเองจะเปลี่ยนหน้าที่ไปเป็นเบาะนั่งเด็กแบบเบาะเสริมแทน
  4. เบาะนั่งเด็กแบบเบาะเสริม มีพนักพิงเบาะนั่งเด็กแบบเบาะเสริม ไม่มีพนักพิงเบาะนั่งเด็กแบบเบาะเสริม (Booster Car Seat) เหมาะสำหรับเด็กหนัก 18 กก. ขึ้นไป วัตถุประสงค์หลักๆ ของการใช้งานคือใช้เสริมความสูงเด็กในขณะนั่งในรถยนต์ ใช้งานร่วมกับสายรัดนิรภัยที่มากับตัวรถ (Safety Belt) ช่วยเสริมทำให้สายรัดนิรภัยรัดตัวเด็กรัดตัวเด็กพาดผ่านไหล่ ซี่โครง ตะโพก และ หน้าตัก ได้อย่างเหมาะสมและแน่นหนา สำหรับตัว เบาะนั่งเด็กแบบเบาะเสริมมีด้วยกัน 2 แบบคือ เบาะนั่งเสริมแบบมีพนักพิง (High-Back Booster) ซึ่งเหมาะกับรถยนต์ที่เบาะหลังไม่มีที่พักพิงศีรษะ และอีกแบบก็คือ เบาะนั่งเสริมแบบไม่มีพนักพิง (Backless Booster) เหมาะใช้กับรถยนต์ที่เบาะหลังมีที่พักพิงศีรษะในตัวอยู่แล้ว

 

จริงๆ ก็ขอยอมรับกันละว่าการเลือกซื้อ Car Seat หรือ เบาะนั่งเด็ก เป็นเรื่องยากมากๆ ในการตัดสินใจ เรื่องของเรื่องก็คือ มันมีความเหลื่อมๆ กันอยู่ในแต่ละประเภท อันนี้เราต้องตัดสินใจให้ดีๆ ว่าเราต้องการใช้ประโยชน์ในการใช้งานในรูปแบบไหน สำหรับตัวเลข อายุ น้ำหนัก ความสูงที่เหมาะเหมาะสม มันเป็นตัวเลขหลักๆ เท่านั้น จะมีเบาะนั่งเด็ก ยี่ห้อดีๆ จะให้สเป็คที่ดีมากกว่านี้ เพื่อประโยชน์เรื่องความปลอดภัยของเด็ก

สำหรับเรื่อง Car Seat หรือ เบาะนั่งเด็ก จริงๆ จะพูดถึง ก็มีเนื้อหาเยอะมากๆ คิดว่าว่างๆ เอ่ยถึงเป็นเรื่องๆ ไปเลยดีกว่า เอาเป็นว่าเรื่องหน้ามารีวิวแบบบ้านๆ เรื่อง ประเภทของสายรัดนิรภัยสำหรับ Car Seat กัน

]]>
http://www.babyhunsa.com/car-seat-%e0%b9%80%e0%b8%9a%e0%b8%b2%e0%b8%b0%e0%b8%99%e0%b8%b1%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%81/feed/ 1
อุบัติเหตุในเด็ก รีวิวแบบบ้านๆ http://www.babyhunsa.com/%e0%b8%ad%e0%b8%b8%e0%b8%9a%e0%b8%b1%e0%b8%95%e0%b8%b4%e0%b9%80%e0%b8%ab%e0%b8%95%e0%b8%b8%e0%b9%83%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%81-%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%a7%e0%b9%81%e0%b8%9a%e0%b8%9a%e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%86/ http://www.babyhunsa.com/%e0%b8%ad%e0%b8%b8%e0%b8%9a%e0%b8%b1%e0%b8%95%e0%b8%b4%e0%b9%80%e0%b8%ab%e0%b8%95%e0%b8%b8%e0%b9%83%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%81-%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%a7%e0%b9%81%e0%b8%9a%e0%b8%9a%e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%86/#comments Sat, 13 Aug 2011 04:02:18 +0000 babyhunsa http://www.babyhunsa.com/?p=252 อุบัติเหตุในเด็ก จริงๆ มีสาเหตุมากจาก 2 เรื่องหลัก ๆ คือ สภาวะที่ไม่ปลอดภัย และ การกระทำที่ไม่ปลอดภัย พยายามกำจัด 2 ตัวนี้ออกไปเพื่อลด อุบัติเหตุในเด็ก

เกริ่นๆ มาก็เพราะเผอิญไปโต๋เต๋กับเรื่อง เบาะนิรภัยสำหรับเด็ก (Car Seat) อยู่พักหนึ่ง เห็นเมืองนอกเมืองนาเขาบังคับใช้เป็นกฎหมาย จนจะต้องบอกว่า Car Seat เป็นสินค้าจำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สำหรับคนมีรถยนต์ที่มีผู้โดยสารอย่างเด็กนั่งไปด้วย แต่บ้านเราผมไม่รู้ว่าเป็นกฎหมายบังคับใช้หรือป่าวไม่รู้ แต่นี่แสดงว่าเราควรใส่ใจเรื่อง อุบัติเหตุในเด็ก กันบ้างอะดิ

เอาเป็นว่า ไม่ว่าจะ เด็ก หรือ ผู้ใหญ่ หากถามว่า อุบัติเหตุ มีสาเหตุมาจากอะไร หากให้ตอบคำถามแบบ Pre-Question คงจะได้คำตอบร่วม 100 คำตอบเป็นแน่ จริงๆ หลักๆ แล้ว ต้นเหตุของอุบัติเหตุมันมาจาก 2 สาเหตุหลักด้วยกันก็คือ สภาวะที่ไม่ปลอดภัย (Unsafe Condition) กับ การกระทำที่ไม่ปลอดภัย (Unsafe Act) นั่นเอง อ่านไปคงรู้สึกขัดๆ อะดิ หากคุยกับมนุษย์โรงงานละก็ อ้อ เรื่องนี้อบรมอยู่ได้ทั้งวี่ทั้งวัน หุหุ นี่เป็นการโยงเรื่องไม่เป็นเรื่อง มาเขียนเป็นเรื่อง อุบัติเหตุในเด็ก รีวิวแบบบ้านๆ ได้อย่างเนียนๆ (แอบเนียน)

  • อุบัติเหตุในเด็ก

    ไปทำอะไรมาหละเจ้าหนู ไม่รู้หัวแตกหรือปล่าว

    สภาวะที่ไม่ปลอดภัย (Unsafe Condition) มันคืออะไร ให้ลองตอบก่อนอ่านต่อ เอ้ามาดูตัวอย่างกัน เคยเดินเตะไม้ที่ยื่นออกมาวางไม่เป็นระเบียบบ้างไหม เจ็บแน่นอน ไอ้ไม้ที่วางไม่เป็นระเบียบยื่นออกมานะแหละคือ คือสภาวะที่ไม่ปลอดภัย ดังนั้นหากจะป้องกันอุบัติเหตุแล้ว ก็จัดไม้ให้มันเป็นระเบียบซะจบก็สิ้นเรื่อง แวะมาดูตัวอย่างเกี่ยวกับเด็กดูบ้าง เวลาพาเด็กเล็กๆไปโรงพยาบาล เค๊าจะมีพื้นที่ให้เด็กเล่น เช่น สไลเดอร์ หรือของเล่นต่างๆ ลองวิเคราะห์สภาวะที่ไม่ปลอดภัยดู เด็กเล่นสไลเดอร์ออาจะจะบาดเจ็บจากการกระทบพื้น ศีรษะชนมุมเหลี่ยมจากเครื่องเล่นต่างๆ การถลอกปลอกเปิกจากการล้มคะมำ เราจะเห็นได้อย่างชัดๆ เจนก็คือ เขาจะกำจัดสภาวะที่ไม่ปลอดภัยหลักๆ เช่น การวางพื้นนิ่มๆ ป้องกันเด็กล้มกระแทก ตัวสไลเดอร์ไม่สูงชันมากนัก เครื่องเล่นต่างๆ ดูออกแบบมาให้มีความมนไม่มีเหลี่ยม ชัดเจนครับตัวอย่าง

  • การกระทำที่ไม่ปลอดภัย (Unsafe Act) อะไรอีกละเนี่ย ขับขี่มอเตอร์ไซค์  ใส่หมวกันน็อค กับ ไม่ใส่หมวกกันน็อค เวลาเกิดอุบัติเหตุอันไหนมีแววศีรษะจะได้รับบาดเจ็บมากกว่า ในที่นี้ การไม่สวมหมวกกันน็อค ก็คือการกระทำที่ไม่ปลอดภัยนั่นเอง แต่สำหรับเด็กแล้ว จะซุกซน ยังไม่รู้ปะสีปะสี ผู้ใหญ่คงจะต้องดูแลใกล้ชิด ห้ามปรามไม่ให้เล่นซุกซนที่มันอันตราย เช่น ปีนป่ายที่สูงๆ อะไรก็แล้วแต่ที่ผาดโผน น่าหวาดเสียว

เผอิญพูดเรื่องการห้ามปราม ภาษาโรงงานเขาจะมีคำฮิตๆ คำนึงก็คือ “Silence is consent” เอาให้เพราะๆ ก็คือ “การนิ่งเฉยเสียคือการยอมรับ” หากเด็กๆ เราห้ามปรามไม่ให้ทำในเรื่องที่สุ่มเสี่ยงจะทำให้เกิดอุบัติเหตุ เด็กจะจดจำและเชื่อฟัง แต่หากเราเห็นเด็กปีนที่สูงแล้วเฉยๆ เด็กจะคิดว่าสิ่งที่กำลังทำไม่ผิดสามารถทำได้ และจะทำต่อไปอีก ในมุมผู้ใหญ่ ในโรงงาน หากหัวหน้างานเห็นลูกน้องไม่สวมใส่อุปกรณ์ความปลอดภัยในการทำงาน แล้วไม่ว่ากล่าวตักเตือน ลูกน้องก็ประพฤติตนแบบนั้นต่อ เวลาเกิดอุบัติเหตุกับลูกน้องขึ้นมา หัวหน้าท่านนี้กับบอกว่า ลูกน้องไม่ปฏิบัติตามกฎความปลอดภัย เลยบาดเจ็บ มันก็กระไรอยู่นะ ว่าไหมหัวหน้า?

จริงๆ รีวิวแบบบ้านๆ ในเรื่อง อุบัติเหตุในเด็ก จริงๆ มันเป็นเรื่องของการฝึกวิเคราะห์หาสาเหตุของ  สภาวะที่ไม่ปลอดภัย (Unsafe Condition) และ การกระทำที่ไม่ปลอดภัย (Unsafe Act) เพื่อที่จะได้กำจัดมันออกไป เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ หรือ ลดการบาดเจ็บที่จะเกิดขึ้นกับเด็กมากกว่า จริงๆ ที่นำมาเขียนเป็นบันทึกวันนี้ก็เพราะอยากจะให้มันเป็นบทนำเรื่อง ในเรื่อง เบาะนิรภัยสำหรับเด็ก (Car Seat) ที่กะว่าจะจำนำมาเขียนเล่นๆ อีกหลายเรื่อง แบบ รีวิวแบบบ้านๆ ไม่เชิงวิชาการ รู้สึกวันนี้จะเขียนแบบสบายๆ นิดๆ ไม่เน้น SEO (Search Engine Optimization) อีกด้วย

]]>
http://www.babyhunsa.com/%e0%b8%ad%e0%b8%b8%e0%b8%9a%e0%b8%b1%e0%b8%95%e0%b8%b4%e0%b9%80%e0%b8%ab%e0%b8%95%e0%b8%b8%e0%b9%83%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%81-%e0%b8%a3%e0%b8%b5%e0%b8%a7%e0%b8%b4%e0%b8%a7%e0%b9%81%e0%b8%9a%e0%b8%9a%e0%b8%9a%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b9%86/feed/ 1
ฝันร้ายในวัยเด็ก http://www.babyhunsa.com/%e0%b8%9d%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b9%83%e0%b8%99%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%a2%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%81/ http://www.babyhunsa.com/%e0%b8%9d%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b9%83%e0%b8%99%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%a2%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%81/#comments Sat, 02 Jul 2011 09:27:23 +0000 babyhunsa http://www.babyhunsa.com/?p=246 ฝันร้ายในวัยเด็ก เด็กเกิดความรู้สึกหวาดกลัว ในสิ่งที่น่ากลัวที่ได้รับมาจากสื่อต่างๆ ทีวี นิยาย นิทาน เช่น ภูติ ผี ปิศาจ เรื่องกดดัน จนเก็บเอาไปฝันร้าย

คำฮิตๆ ภาษาวัยรุ่น บอลไทยกำลังจะได้ไปชิงแชมป์มวยโลก เด็กๆ กำลัง ฝันร้าย หรือ ฝันดี ที่จะ เลิกเล่นเกม หันไป อุทิศตัวเพื่อเกม ข่าวแว่วๆ ล่าสุดว่าเรากำลังได้โค้ชดี โอละหว่าทีนี้ บอลไทยกำลังจะได้ไปชิงแชมป์บอลโลก Is it a joke of the town?

ฝันร้ายในวัยเด็ก ไม่ใช่สิฝันดีมากกว่า บางคืนนะเจ้าตัวเล็กละเมอร้องเพลงของ พี่บี้ เดอะสตาร์ หน้านี่บ่งบอกถึงความสุข ใช่สิความสุขกำลังขับเคลื่อนอยู่ในเมมโมรี่ของเจ้าตัวเล็ก ยอมรับจริงๆ หรือแทบจะนับครั้งได้เลยละว่า ฝันร้ายละเมอประเภทลุกขึ้นมาร้องถึงเจ้าตัวร้ายในการ์ตูนเด็กเช้าๆ วัน เสาร์ อาทิตย์ มาเลยมาสู้กันเลยเจ้าปิศาจเกม แทบจะไม่มีให้เห็นหรือได้ยินบ่อยมากนัก แต่นี่ไม่รู้จะเรียกว่า ฝันร้ายในวัยเด็ก หรือป่าวก็ไม่รู้ คือฝันไปว่าออกไปยืนฉี่ที่พุ่มไม้ เจ้าประคุณเอ๊ย รู้สึกความอุ่นๆ ปนแฉะมาเยือน ที่นอนเปียกปอนไปหมด อ้าวฉี่รดที่นอนนี่นา ไม่ใช่ฝันร้าย ???

เล่าเรื่อง ฝันร้ายในวัยเด็ก ในชีวิตสมัยเด็กๆ

ฝันร้ายในวัยเด็ก

ดูหลับมีความสุขจัง สงสัยกำลังฝันดี

สำหรับ ฝันร้ายในวัยเด็ก ชีวิตในวัยเด็กหากจะถามว่ากลัวอะไรมากที่สุด ก็ตอบได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า กลัวงิ้ว ที่คนไทยเชื้อสายจีนชอบดูนะแหละ เพราะสมัยเด็กๆ เห็นเขาแสดงงิ้ว ทาหน้าทาตาช่างน่ากลัวจริงๆ หนำซ้ำยังมารำดาบ รำกระบองหมุนไปให้หน้ากลัวอีกต่างหาก สื่อทั่วๆ ไป อย่างทีวี, หนังสือการ์ตูน,  นิยาย ที่มีตัวละคร หรือแม้ผู้ใหญ่เองก็เถอะ ชอบเอาเรื่องอะไรที่น่ากลัวมากหลอก เสมอๆ นั่นหละยอมรับตรงๆ เลยว่าในวัยเด็กเรารู้จักตัวละครอย่าง ภูตผี ปิศาจ ผีสาง นางไม้ อะไรๆ ก็แล้วแต่ที่น่ากลัวมาจากสิ่งเหล่านี้ทั้งนั้น ซึ่งก็ถือว่าเป็นต้นเหตุของ ฝันร้ายในวัยเด็ก ทั้งสิ้น เวลาจะเข้านอนทีมันรู้สึกมันน่ากลัวฝังไปในใจแล้วสิ จะต้องให้ผู้ใหญ่จะต้องตรวจดู ตามใต้เตียง บานพับประตู หน้าต่าง อะไรก็แล้วแต่ที่มันมีซอกสำหรับซ่อนตัวได้ จะหลับได้ก็ไม่กล้าหันไปมองหน้าต่าง กลัวจริงๆ ว่าจะมีอะไรที่น่ากลัวโผล่มาที่หน้าต่างไหม ยอมรับจริงๆ ก็เคยฝันถึงเจ้าตัวร้ายๆ เหล่านี้ละเมอลุกขึ้นมาร้องให้อยู่บ่อยๆ สำหรับฝันร้ายในวัยเด็ก

สำหรับเจ้าตัวเล็กดูจะไม่ค่อยมีปัญหาเท่าใดนัก รู้สึกจะไม่เคยละเมอฝันร้ายให้เห็นเลย อาจจะเป็นความบังเอิญที่ไม่เคยเปิดหนังผี การ์ตูน นิยาย หรือเล่าเรื่องน่ากลัวๆ ให้เจ้าตัวเล็กฟังเลยก็เป็นได้ ขนาดปล่อยให้อยู่ในห้องคนเดียว ก็ไม่เคยเห็นบอกว่ากลัวซักครั้ง

มาว่ากันถึงสาเหตุของ ฝันร้ายในวัยเด็ก

มาคิดถึงชีวิตในวัยเด็ก ฝันร้ายในวัยเด็ก ที่เกิดขึ้นกับตัวเองมันก็มีหลายสาเหตุ เคยเรื่องนึงก็ทะเลาะกับเพื่อนแบบเอาเป็นเอาตาย ไม่ยอมกันจะต้องชนะให้ได้ ถึงขนาดโป้งหากันเลย เรื่องแค่นี้เชื่อไหม ถึงกับเอาไปฝันร้ายเป็นตุเป็นตะว่าทะเลาะกับเพื่อน ละเมอลุกขึ้นมาโวยวายร้องให้จนพ่อแม่ปลอบก็เคยมี สื่อต่างๆ เช่น ทีวี หนังสือนิยาย เรื่องน่ากลัวๆ ที่ผู้ใหญ่ชอบเอามาหลอก ไม่รู้ว่าเพราะมันสนุกหรือไงก็ไม่รุ มันเริ่มทำให้รู้จักตัวละครที่น่ากลัวๆ เข้ามาในชีวิต ผีเอย ปิศาจ นางไม้ ตัวร้ายๆ ในหนังการ์ตูน สิ่งเหล่านี้ก็เคยเก็บไปเป็นฝันร้ายมาแล้วทั้งสิ้น ไหนๆ เพื่อนที่เคยถูกคนอื่นแกล้งแบบเจ็บใจๆ ยังเก็บเอาไปเป็นฝันร้ายมาเล่าให้ฟังอยู่บ่อยๆ

ทำยังไงดีหละกับเจ้า ฝันร้ายในวัยเด็ก

ฝันร้ายในวัยเด็ก ถ้าจะให้บอกตรงๆ ก็กลัวไอ้สิ่งต่างๆ ที่กล่าวมานะแหละ หรือแม้เรื่องราวเจ็บช้ำน้ำใจในสมัยวัยเด็ก มันฝังความรู้จักเข้าไปในเมมโมรี่น้อยๆ เกิดความกลัวโน่น กลัวนี่ หรือความเจ็บใจแบบสุดๆ จนนำไปสร้างเป็น ฝันร้าย ละเมอร้องให้อยู่บ่อยๆ ถ้าสลัดความกลัวหรือสาเหตุเหล่านี้ได้หละ?

จริงๆ มันมีความรู้สึกว่า พ่อ แม่ คือคนที่สามรถช่วยปกป้องเราจากสิ่งเหล่านี้ได้ รู้สึกว่าทำให้เราปลอดภัย หรืออย่างน้อยก็เข้ามาปลอบ อธิบายเกี่ยวกับความฝัน ตัวละครต่างๆ ที่ถูกอุปโลกน์ขึ้นมามันไม่มีจริง มันช่างทำให้มีความรู้สึกในทางบวก คลายความกลัวลงได้บ้าง

แอบสร้างความคิดเชิงบวกให้เจ้าตัวเล็กดีกว่า! จะได้ไม่เป็นเด็กฝันร้าย กลับมาแล้วเหรอเป็นไงบ้าง วันนี้สนุกไหมที่โรงเรียน (ยิงคำถามแบบนี้ เวลาเจ้าตัวเล็กมีปัญหาจะบอกเราเองหละ จะได้ช่วยแก้ไข) พยายามสร้างบรรยากาศให้เจ้าตัวเล็กมีความสุข ไม่หวาดกลัว เล่านิทานดีๆ ไม่มีตัวละครน่ากลัวให้ฟังก่อนนอน ไม่หลอกเจ้าตัวเล็กในเรื่องน่ากลัว วันหยุดพาไปออกกำลังกายกันที่สวนหย่อม  ดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน ให้เล่นของเล่น ปล่อยไปเล่นกับเพื่อน อะไรจะเป็นครอบครัวสุขสันต์ขนาดนี้ เจ้าตัวเล็กเมื่อมีความสุข ชีวิตไม่กดกัน ไม่ค่อยนึกถึงตัวละครน่ากลัวๆ ฝันร้ายก็ไม่ยักมาแตะ

]]>
http://www.babyhunsa.com/%e0%b8%9d%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b9%83%e0%b8%99%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%a2%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%81/feed/ 0
เด็กอ้วนภัยสำหรับเด็ก http://www.babyhunsa.com/%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b9%89%e0%b8%a7%e0%b8%99%e0%b8%a0%e0%b8%b1%e0%b8%a2%e0%b8%aa%e0%b8%b3%e0%b8%ab%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%81/ http://www.babyhunsa.com/%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b9%89%e0%b8%a7%e0%b8%99%e0%b8%a0%e0%b8%b1%e0%b8%a2%e0%b8%aa%e0%b8%b3%e0%b8%ab%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%81/#comments Wed, 22 Jun 2011 01:27:17 +0000 babyhunsa http://www.babyhunsa.com/?p=240 เด็กอ้วน นำไปสู่โรคร้ายอันเป็นอันตรายต่อเด็กเช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจขาดเลือด ฯลฯ แต่ทำไมกับปลาบปลื้มเมื่อมีคนชมว่า ลูกอ้วนจ้ำม่ำน่ารัก

ความเชื่อผิดๆ กันมาแต่โบราณคือ เด็กอ้วน เป็นเด็กสมบูรณ์แข็งแรง ผิวพันธ์สดใส หน้าตาดูน่ารักน่าชัง จนหลายครั้ง พ่อ แม่ มีความสุขภูมิใจ เผลอคิดไปเสียอีกละว่า เลี้ยงลูกได้สมบูรณ์ แต่เคยคิดกันบ้างไหมละว่าเด็กสมบูรณ์นี้กำลังจะถูกเรียกว่า เด็กอ้วน

ความเชื่อว่า เด็กอ้วน คือเด็กแข็งแรง ทำให้ คุณพ่อ คุณแม่ หลายๆ ท่านพากันเข้าใจผิดว่า เด็กรูปร่างปกติเป็นเด็กไม่แข็งแรง หลายๆ ครั้งวิตกจริตถึงขั้นพาไปพบคุณหมอขอยาบำรุงกันยกใหญ่ ในปัจจุบันเราจะเห็นกันว่ามี เด็กอ้วน หรือ เด็กมีน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐานกันมากขึ้น แม้แต่เราเองเวลาพาลูกไปพบพบคุณหมอตามระยะเวลานัด คำแนะนำที่มักได้รับจากคุณหมอก็คือ คุณพ่อ คุณแม่ คะลูกมีน้ำหนักเกินไปนิดหน่อยแล้วนะ (ดีนะที่ไม่มาก หุหุ)

เกณฑ์วัดเด็กอ้วน

เด็กอ่อนในช่วง 2-3 เดือนแรก เด็กจะมีอัตราการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว จนถึง 12 เดือนอัตราการเจริญเติบโตจะลดลง คุณพ่อ คุณแม่คงจะจำภาพเวลาพาลูกไปพบกุมารแพทย์ ตามเวลานัด คงจะคุ้นเคยกับภาพที่คุณพยาบาล ชั่งน้ำหนัก วัดรอบศีรษะ วัดความยาว (วัดส่วนสูง) ฯลฯ แล้วก็บันทึกตัวเลขเพื่อนำไปให้คุณหมอ คุณหมอจะใช้ตัวเลขเหล่านี้หละพล็อตบนกราฟ Growth Curve จากนั้นก็อธิบายค่าจากกราฟให้ คุณพ่อ คุณแม่ฟัง เช่น โครงสร้างลูก น้ำหนักของลูกตอนนี้เหมาะสมไหม อ้วนไป ปานกลาง หรือ ผอม และคำแนะนำดีๆ อีกมากมายทั้งนั้น

น้ำหนักเทียบกับอายุ สำหรับทารกเพศชาย

น้ำหนักเทียบกับอายุ สำหรับทารกเพศชาย

น้ำหนักเทียบกับอายุ สำหรับทารกเพศหญิง

น้ำหนักเทียบกับอายุ สำหรับทารกเพศหญิง

สำหรับ เด็กโต หรือผู้ใหญ่ เรานิยมใช้การเปรียบเทียบน้ำหนักกับส่วนสูงดังนี้

  • ผู้ชาย: ส่วนสูง (ซม.) – 100 คือน้ำหนัก (กก.) ที่เหมาะสม
  • ผู้หญิง: ส่วนสูง (ซม.) -110 คือน้ำหนัก (กก.) ที่เหมาะสม

สาเหตุเด็กอ้วน

  • เด็กอ้วน

    ภาพ เด็กอ้วนจากประเทศจีน

    กรรมพันธุ์ บ่อยๆ ครั้งหากเราสังเกตครอบครัวที่ คุณพ่อ และ คุณแม่ อ้วนแล้ว เรามักจะเห็นว่าลูกเป็น เด็กอ้วน

  • เจริญอาหาร เด็กอ้วน ประเภทนี้จะเป็นเด็กที่ รับประทานเก่ง เจออะไรก็อร่อยไปหมด
  • เด็กอ้วน จากภาวการณ์ไม่ได้ออกกำลังกาย โดยเฉพาะ พ่อ แม่ ที่นิยมเลี้ยงเด็กด้วย โทรทัศน์ หรือ วีดีโอเกม เด็กจะไม่ค่อยได้เคลื่อนไหว ออกกำลังกาย และที่สำคัญคือพาลจับของว่างเข้าปากอยู่สม่ำเสมอ อีกต่างหาก
  • เด็กอ้วน จากโรค หรือ ภาวะฮอร์โมนผิดปกติ ซึ่งเป็นภาวะที่พบได้น้อย แต่ก็สามารถรักษาให้หายได้

การป้องกันเด็กอ้วน

  • พ่อ แม่ ควรหันมาใส่ใจต่ออาหารที่ทานกันในครอบครัว เน้นอาหารที่ดีมีประโยชน์
  • เด็กวัย 2 ปี ถึงวัยรุ่น เน้นการได้รับอาหารที่มีประโยชน์ ควบคุมอาหารประเภท หวานจัด หรือ มันจัด ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เป็น เด็กอ้วน เน้นอาหารประเภทโปรตีน ซึ่งทำให้เด็กเจริญเติบโต
  • สำหรับเด็กเล็ก ควรควบคุมเวลาในการ ชมโทรทัศน์ หรือ เล่นเกม ให้ไม่เกินวันละ 2-3 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อให้เด็กได้ออกไปเล่น ออกกำลังกายบ้าง
  • ให้เด็กได้ใช้เวลาว่างในการออกกำลังกาย ประโยชน์ที่รับไม่เพียงเฉพาะไม่เป็น เด็กอ้วน เท่านั้น แต่ยังทำให้เป็นเด็กที่แข็งแรง และ สภาพจิตใจดีอีกด้วย

หากพบว่าลูกของเราเป็น เด็กอ้วน จนยากที่จะเยียวยาแล้ว คุณพ่อ คุณแม่ อย่าได้นิ่งนอนใจ รีบพาไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาแต่เนิ่นๆ

แนะนำเรื่องน่าอ่อน เด็กอ้วน

]]>
http://www.babyhunsa.com/%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%81%e0%b8%ad%e0%b9%89%e0%b8%a7%e0%b8%99%e0%b8%a0%e0%b8%b1%e0%b8%a2%e0%b8%aa%e0%b8%b3%e0%b8%ab%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%81/feed/ 0
พัฒนาการเด็กปฐมวัย ปล่อยให้สมกับวัยดีไหม http://www.babyhunsa.com/%e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%92%e0%b8%99%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%81%e0%b8%9b%e0%b8%90%e0%b8%a1%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%a2-%e0%b8%9b%e0%b8%a5%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%a2%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b9%89%e0%b8%aa%e0%b8%a1%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%a2%e0%b8%94%e0%b8%b5%e0%b9%84%e0%b8%ab%e0%b8%a1/ http://www.babyhunsa.com/%e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%92%e0%b8%99%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%81%e0%b8%9b%e0%b8%90%e0%b8%a1%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%a2-%e0%b8%9b%e0%b8%a5%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%a2%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b9%89%e0%b8%aa%e0%b8%a1%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%a2%e0%b8%94%e0%b8%b5%e0%b9%84%e0%b8%ab%e0%b8%a1/#comments Mon, 13 Jun 2011 07:07:59 +0000 babyhunsa http://www.babyhunsa.com/?p=203 พัฒนาการการเด็กปฐมวัย จะแตกต่างกันไป ในแต่ละคน ถึงจะช้าบ้าง เร็วบ้าง ก็ไม่ใช่ประเด็นอะไรมากมายนัก ข้อสำคัญคือ อย่าสร้างแรงกดดันให้กับเด็กเท่านั้นเอง

บ่อยๆ ครั้งเผลอคิด เอาเจ้าตัวเล็ก ลูกของเราไปเปรียบเทียบกับเด็กอื่นๆ ในวัยเดียวกัน จริงๆ พัฒนาการเด็กปฐมวัย อาจจะมีเด็กบางคนที่มีพัฒนาการ ค่อนข้างเร็วบ้าง ปานกลางบ้าง หรืออาจจะช้าบ้าง เขาก็บอกกันว่าอย่ากังวลมากนัก ก็เคยดูรายการจาก ทีวีช่องหนึ่ง ช่วงประมาณ 6 โมงเช้า ที่เขาเอาวิดีโอการเรียนการสอนจากประเทศต่างๆ มาเปิดให้ดู เราก็รู้สึกปลาบปลื้มกับหลายๆ ครั้ง ที่เขาให้ความสำคัญกับ พัฒนาการเด็กปฐมวัย ตรงที่ว่า “จะทำยังให้เด็กที่มีความเก่ง หรือ เฉลียวฉลาดแตกต่างกัน เรียนรวมกันได้ต่างหาก” ถึงแม้เราไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ แต่! เราก็ชอบประเด็นนี้จริงๆ

มาว่ากันกับคำว่า พัฒนาการเด็กปฐมวัย เคยไหม ที่เห็นลูกคนอื่นอ่านหนังสือได้ตั้งแต่เล็ก เรารีบพาลูกกับบ้านไม่ให้เล่นกับเพื่อน อัดให้อ่านหนังสือให้ได้เหมือนลูกคนอื่น เคยไหมที่บังคับไม่ลูกวัยเด็กปฐมวัยไม่ให้ออกไปเล่น เพื่อให้เรียนๆ ๆ เพื่อให้เก่งกว่าเด็กคนอื่นๆ บ่อยๆ กับบ่อยๆ ที่เห็นลูกคนอื่นทำไอ้นี่ไอ้โน่นได้นี่ได้ ก็จะมาพาลฝึกหรือกดดันลูกให้ทำให้ได้เหมือนลูกคนอื่นบ้าง หรือเคยคิดจะให้เด็กวัยปฐมวัยไปเรียนพิเศษ เพื่อให้เป็นเด็กเก่งๆๆๆๆๆๆ จันทร์ถึงศุกร์ เสาร์ หรือเลยเถอดไปถึงวันอาทิตย์

พัฒนาการเด็กปฐมวัย

เด็กได้รับความรู้สึกสนุกสนานไปกับการเรียน

พัฒนาการเด็กปฐมวัยจะมีความแตกต่างกันบ้างในเด็กแต่ละคน จะช้าบ้างเร็วบ้างไม่ใช่ประเด็นอะไรมากนัก จะมีบ้างก็เด็กที่มี พัฒนาการเด็กปฐมวัย ช้าจริงๆ อย่างเห็นได้ชัด แต่ที่เราพยามยามจริงๆ ก็คือ ไม่อยากจะสร้างแรงกดดันให้กับลูก หรือ อะไรก็แล้วแต่ที่จะเป็นการอัดให้ลูกเรา จะต้องมีพัฒนาการแบบก้าวกระโดด หรือ จะต้องเก่งเกินหน้าเกินตาเพื่อนๆ วัยเดียวกันมากนัก เราก็ปล่อยให้ เล่นบ้าง เรียนบ้าง ไปตามปะสาเด็ก เพราะเราคิดนะ ว่าเด็กวัยนี้มีจินตนาการที่สร้างสรรค์ ต้องการมีกิจกรรมร่วมกับเพื่อนๆ คงจะอึดอัดน่าดูถ้า! เราอัดแต่วิชาการให้เขา

พัฒนาการเด็กปฐมวัย ฟังหลายรอบแล้วมันกินใจ แต่เราไม่เข้าใจความหมายลึกซึ้งมากนัก แต่เรามีประเด็นมาให้อ่านเล่นๆ เพลินๆ สบายสมอง สบายใจ ในยามพักผ่อน (จริงๆ เราว่ามันเป็นเรื่องที่ลึกซึ้งนะ)

  • อยากให้ลูกเรียนปฐมวัยในแนวไหน แนวเตรียมความพร้อม, แนววิชาการ, แนวสองภาษา หรือ หลักสูตรนานาชาติ คิดว่าไง แต่เรานะคิดว่าลูกควรจะมีพัฒนาการในหลายๆ ด้าน มีความคิดสร้างสรรค์ หรือแม้แต่การได้ทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อน มีเวลาได้เล่นตามภาษาเด็กบ้าง อย่างน้อยเขาก็ได้ทำกิจกรรมกับเพื่อน ให้เหมาะกับ พัฒนาการเด็กปฐมวัย
  • อยากจะสร้าง พัฒนาการเด็กปฐมวัย โดดโลดแล่นให้กับลูกด้วยการให้เรียนพิเศษอย่างเดียว จนไม่มีเวลาเหลือไหม แต่สำหรับเรานะเราอยากให้ลูกเราได้รับ การพัฒนาการในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะความสร้างสรรค์และจินตนาการ เราเลยอยากให้ลูกเราได้ทำกิจกรรมที่หลากหลาย เล่นกับเพื่อนบ้าง เพื่อให้เกิดการสั่งสมการเรียนรู้ในหลายๆ ด้านไปในตัว
  • จะสร้าง พัฒนาการเด็กปฐมวัย ให้กระโดดโลดแล่น กับคำว่า ห้ามลูกไม่ให้ออกไปเล่นกับเพื่อนเลย ให้เรียนอย่างเดียว เด็กหนอเด็ก อะไรจะกดดัน ขไนหนาด (ขนาดไหน) เอาเป็นว่าสำหรับเราแล้ว การเรียนและการเล่นของเด็กมันสำคัญด้วยกันทั้งคู่ อย่างน้อยเวลาเล่นเสร็จลูกเราก็เหงื่อโชก ออกกำลังกายสุขภาพจิตแจ่มใส หัวเราะกับเพื่อนๆ ของเขา ลองคิดดูกับเราดิว่าลูกเราได้อะไรจากการเล่นบ้าง (มีความสุขนะเวลาเห็นลูกหัวเราะ ว่าไหม)
  • มาดู พัฒนาการเด็กปฐมวัย กับคำว่าเด็กบ้ายอกันดีกว่า เวลาเราให้ลูกทำการบ้านนะ ผิดบ้าง ถูกบ้าง เราก็ชมดะเลย แต่เราดูลูกมีความสุขอยากทำการบ้านนะ แต่ก็เคยเห็นเด็กบางคน พ่อ แม่ ดุ เอ็ดตะโรโทโส เวลาลูกไม่ได้ดั่งใจ ทำการบ้านไม่ได้ เราแอบมองเข้าไปในตาเด็กนะ น้ำตานี่ซึมเล็ดๆ เห็นๆ เลย (คิดว่าเด็กกดดันไหมเนี่ย)

พัฒนาการเด็กปฐมวัย อ่านเองยังงงเลย จบต้นชนประเด็นเนื้อหาไม่เข้าใจเลย ฟังเพลง ขลุ่ยไม้ไผ่ ของคาราบาว ผู้แต่งเขาบอกว่าเป็นเพลงที่ไม่รู้เรื่องในเนื้อหา แต่ไม่รู้เราอาจจะชอบแนว Country folk ชอบเสียงกีตาร์โปร่ง และเสียงขลุ่ย ที่บรรเลงได้อย่างเพราะพริ้ง มีอะไรลึกๆ ข้างใน (ขอเน้นเฉพาะที่เป็น Original Version เท่านั้น) เอาเป็นว่า เราอยากเขียนอะไรออกมาที่ไม่เป็นการชี้นำมากกว่า อ่านไปวิเคราะห์ไป สบายๆ ตามสไตล์ มากกว่า

พัฒนาการเด็กปฐมวัย มันลึกซึ้งเกินกว่าจะกล่าวถึง เรียนบ้าง แล่นบ้าง ปนกันไป เราว่าดีนะ ลูกได้พัฒนาไปในหลายๆ ด้าน เห็นลูกได้หัวเราะแล้วเรามีความสุข ลูกสุขเราสุขสุดปราบปลื้ม หรือชอบที่จะฟังคำว่า พ่อครับ แม่ครับ หนูไม่อยาก…

]]>
http://www.babyhunsa.com/%e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%92%e0%b8%99%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%81%e0%b8%9b%e0%b8%90%e0%b8%a1%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%a2-%e0%b8%9b%e0%b8%a5%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%a2%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b9%89%e0%b8%aa%e0%b8%a1%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%a2%e0%b8%94%e0%b8%b5%e0%b9%84%e0%b8%ab%e0%b8%a1/feed/ 0
สิทธิเด็ก ฉบับเด็กประถม http://www.babyhunsa.com/%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b8%97%e0%b8%98%e0%b8%b4%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%81-%e0%b8%89%e0%b8%9a%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%81%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%96%e0%b8%a1/ http://www.babyhunsa.com/%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b8%97%e0%b8%98%e0%b8%b4%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%81-%e0%b8%89%e0%b8%9a%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%81%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%96%e0%b8%a1/#comments Sun, 05 Jun 2011 06:21:17 +0000 babyhunsa http://www.babyhunsa.com/?p=137 สิทธิเด็ก ฉบับเด็กประถม เด็กทุกคนมีสิทธิเด็กและบทบาทหน้าที่ ภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย เราลองมาฉีกแนวอ่านเรื่องราว ในมุมสบายๆ กับเรื่อง สิทธิเด็ก ดีกว่า

ก่อนจะเขียนเรื่อง สิทธิเด็ก มันมีแรงดลใจกับลูกวัย 6 ขวบ เด็กประถมปีที่ 1 ที่คุณครูให้การบ้านคือ อ่านหนังสือให้ คุณพ่อ คุณแม่ฟัง แค่เริ่มต้นหัวข้อขึ้นมาเท่านั้นหละ รู้สึกชอบกับเนื้อหาจริงๆ ลูกเราก็อ่านไปสะดุดบ้างเราก็ช่วยแก้บ้างตามภาษาเด็กๆ ไม่ซีเรียสมากนัก แต่สิ่งที่เราสนใจก็คือ เนื้อหาที่เขาที่เขาสอนเด็กให้รู้จัก สิทธิเด็ก และประชาธิปไตย เพื่อปลูกฝังให้กับเด็กตั้งแต่วัยยังเล็ก ฟังไปก็มีความสุข ยิ้มไปกับเนื้อหา รู้สึกมีความสุขมากๆ จนไม่อยากเก็บไว้คนเดียว ก็เลยตัดสินใจนั่งอยู่หน้าจอคอม เอาเค้าโครงมาเรียบเรียงใหม่ เพื่อให้เนื้อหาอ่านได้อย่างสบายอารมณ์ ลอกคราบความเป็นวิชาการออกไปให้หมด

ชีวิต เด็กประถม กับบทละครที่เดินไป คงจะต้องมีตัวละครหลักๆ ที่ร่วมแสดงคือ คุณพ่อ คุณแม่ คนในครอบครัว คุณครู และ เพื่อนๆ กับบทหลักๆ ที่เด็กจะต้องร่วมบทบาท เพื่อให้เนื้อหาของเรื่องดำเนินไปได้อย่างมีอรรถรสก็คือ สิทธิเด็ก ตัวแสดงประกอบอย่างผู้ใหญ่หละ! ได้แสดงให้เห็นถึงเรื่อง การเคารพสิทธิในสิทธิของผู้อื่น ให้ตัวละครตัวเอกอย่างเด็กได้เห็นกันบ้างไหม หรือลืมกันไปแล้วว่าเด็กคืออนาคตของชาติ ตัวเอกอย่างเด็กนี่! เป็นอะไรที่รับเอาอะไรเข้ามาฝังเมมโมรี่ชีวิตได้อย่างรวดเร็วนัก

สิทธิเด็กและบทบาทหน้าที่

สิททธิเด็กในการได้รับการศึกษา

เด็กได้รับสิทธิในการศึกษาเล่าเรียน

จะเชื่อกันไหมว่าเด็กก็มี สิทธิเด็ก เหมือนกัน เพราะอะไรนะเหรอ เด็กถือว่าเป็นเป็นบุคคล ดังนั้นคงหนีไม่พ้นที่จะต้องได้รับสิทธิของบุคคล ภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย หลักๆ ก็คือ สิทธิที่จะต้องได้รับการคุ้มครองเลี้ยงดูจาก คุณพ่อ คุณแม่ หรือ ผู้ปกครอง และสิทธิที่จะต้องได้รับการศึกษาเล่าเรียนขั้นพื้นฐานเป็นอย่างน้อย

มาดูละครตัวเอกของเรา เด็กวัยประถม กับบทที่ได้รับหลักๆ อยู่ 2 บทบาทในตอนนี้ก็คือ สิทธิเด็กและบทบาทหน้าที่ในครอบครัว และ สิทธิเด็กและบทบาทหน้าที่ในการศึกษาเล่าเรียน

  • สิทธิเด็กและบทบาทหน้าที่ในครอบครัว คุณพ่อ คุณแม่ คงจะคิดเหมือนกันละว่า มีตัวละหลักๆ ก็คือ คุณพ่อ คุณแม่ ลูก และคนในครอบครัวทั้งหมด ตัวละครอย่าง คุณพ่อ คุณแม่ หรือผู้ปกครอง มีบทบาทหน้าที่ในการ ประกอบสัมมาอาชีพ เพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว ให้การเลี้ยงดูลูก ให้การศึกษา อบรม เพื่อให้ลูกเติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างมีคุณภาพ ดังนั้นตัวเอกของเรื่องอย่างเด็กก็คงมีบทบาทหน้าที่จะต้อง เชื่อฟังพ่อแม่ ช่วยเหลืองานในบ้าน ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน เป็นเด็กดีของพ่อแม่ ได้เท่านี้ละก็ บทละครมันก็ดู น่าอ่าน น่าดู น่าติดตามแล้ว
  • สิทธิเด็กและบทบาทหน้าที่ในการศึกษาเล่าเรียน ตัวละครอย่างคุณครูคงจะต้องแสดงบทบาท ผู้ให้ความรู้ ให้การอบรมบ่มนิสัย ช่วยกันเขียนบทละครให้เด็กเดินไปอย่างมีคุณภาพ ตัวเอกอย่างเด็กเองคงจะต้อง ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน หมั่นทำการบ้าน (เอาเป็นว่า เก่ง ไม่เก่ง ว่ากันไม่ได้ ขอให้มีพรแสวงละกัน) อย่าเป็นเด็กเกเร แค่นี้ตัวเอกอย่างเด็กก็มีความสุขไปตามเนื้อเรื่องแล้ว

สิทธิเด็ก กว่าจะเขียนเนื้อหาเรื่องนี้ได้ รู้สึกติดขัดไม่ไหลลื่นมากๆ เอาซะเลย อย่างว่า! คำว่า สิทธิเด็ก คำมันออกเป็นภาษากฎหมายจริงๆ แต่เว็บนี้เน้นจริงๆ ก็คือ พยามให้เนื้อหาไม่มีสาระอะไรมากนัก อ่านสบายๆ ในมุมพักผ่อน เล่าเรื่องที่เราคลุกคลีกับลูกแบบสบาย ไม่อิงการแพทย์ หรือ จิตวิทยาทั้งสิ้น เอาไว้แลกเปลี่ยนกันระหว่าง คุณพ่อ คุณแม่ สบายสบายมากกว่าเนาะ

กับคำว่า สิทธิเด็ก ในฐานะผู้ใหญ่คงจะเป็นละครตัวประกอบ ที่ร่วมแสดงละครชีวิตกันไป เราได้แสดงอะไรให้เด็กเห็นว่าเรา เคารพสิทธิของผู้อื่นบ้าง หากเกิดเป็นคนดังอย่าง ดารา นักการเมือง หรือ อาชีพอะไรก็แล้วแต่ที่เป็นคนดังๆ คงจะต้องยอมรับกับการโดนระราบระล้วงในสิทธิส่วนบุคคลอยู่บ้าง แหมแต่ดาราก็โดน ปาปารัสซี่ ซุบซิป นินทา คลิปหลุด ฯลฯ เล่นงานเอาอยู่บ่อยๆ เหมือนกัน อันนี้เป็นเรื่องของคนดัง เพราะคุณมี Esteem อยู่ในตัวอยู่แล้ว แต่เผอิญหากเกิดมาเป็นคนธรรมดาๆ ที่ไม่อยากดัง แต่ไม่รู้ว่าเผอิญดังด้วยเหตุผลกลไกล ใดๆ ก็แล้วแต่ จะเป็นไงนะ ความสุขของชีวิตแทบทั้งชีวิตแทบจะหายไปเลยเมื่อคุณโดน ระราบระล้วงในสิทธิส่วนบุคคล ไปแทบซะทุกเรื่อง ลองคิดๆ กันดู ในฐานะตัวละครประกอบของเรื่อง

ร่วมกันรณรงค์ใน สิทธิเด็ก ด้วยการ ไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของผู้อื่น เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่เด็ก สังคมจะดีได้เมื่อผู้ใหญ่ช่วยร่วมกันเขียนบทละครที่ดีให้กับเด็กๆ

]]>
http://www.babyhunsa.com/%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b8%97%e0%b8%98%e0%b8%b4%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%81-%e0%b8%89%e0%b8%9a%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%81%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%96%e0%b8%a1/feed/ 0