จุดเด่นของ iPhone 4s

Apple ได้เสริมลูกเล่นเด่นๆ ให้กับ iPhone 4s ดังนี้

• iPhone 4s ใช้ระบบประมวลผล Apple 5 Processor ซึ่งเป็นระบบประมวลผลตัวเดียวกันกับที่ใช้อยู่ใน iPad2 ซึ่งทาง Apple อ้างว่าจะทำให้เจ้าตัว iPhone 4s มีความเร็วมากกว่า  iPhone 4 ถึง 2 เท่า
• มาพร้อม Dual-Core Graphics Chip ตัวใหม่ ซึ่งเป็นที่ยืนยันจากทาง Apple ว่าจะทำให้มีความเร็วเร็วมากกว่า  iPhone 4 ถึง 7 เท่าตัวทีเดียว
• สามารถใช้งานร่วมกับระบบ GSM และ CDMA ในเครื่องเดียว โดยรองรับสัญญาณ UMTS/HSDPA/HSUPA ความถี่ 850, 900, 1900, 2100 MHz, GSM/EDGE ความถี่ 850, 900, 1800, 1900 MHz, และ CDMA ความถี่ 800, 1900 MHz ซึ่งครอบคลุมแทบจะทุกประเภทของสัญญาณระดับ 3G ที่ความเร็ว 14.4Mbps ซึ่งเร็วกว่าของเดิมที่ทำได้แค่ 7.2Mbps เท่านั้น
• iPhone 4s มาพร้อมกับระบบรับสัญญาณถึง 2 สายรับสัญญาณทำงานแยกกัน ช่วย เพิ่มประสิทธิภาพในการรับสัญญาณ
• เพิ่มประสิทธิภาพในการดาวโหลดข้อมูลได้เร็วถึง 14.4 Mbps ((HSDPA)
• พร้อมกับกล้องความละเอียดสูงถึง 8 megapixel เพิ่มประสิทธิภาพของสีและความคมชัดของภาพ ให้ความขาวที่ดีกว่า และยังได้นำตัวเซ็นเซอร์วัดแสงรุ่นใหม่มาใช้งาน เพิ่มประสิธิภาพความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่อง
•  ระบบบันทึกวิดีโอ 1080p HD พร้อมกับระบบเพิ่มเสถียรภาพของภาพ

ตัวซอฟแวร์เด่นๆที่เพิ่มมาใน iPhone 4s

• Siri Voice Reorganization
• AirPlay Mirroring
• Cards app
• Find My Friends app
• iOS 5 & iCloud support

ระยะการใช้งานแบตเตอรี่

• การสนทนา: 8 ชั่วโมงบนระบบ 3G และ 14 ชั่วโมงบนระบบ 2G
• การใช้งานอินเตอร์เน็ต: 6 ชั่วโมงบนระบบ 3G และ 9 ชั่วโมงบนระบบ Wi-Fi
• วิดีโอ: 10 ชั่วโมง
• ออดีโอ: 40 ชั่วโมง

ลักษณะตัวผลิตภัณฑ์ของ iPhone 4s

• สี: ออกตัวมากับ 2 สีคือ ขาว และ ดำ
• ขนาดและน้ำหนัก สูง 4.5 นิ้ว  x กว้าง 2.31 นิ้ว x  หนา 0.37 นิ้ว หนัก 4.9 ออนซ์

ครั้งนี้! ไม่เหมือนในอดีตที่หนนี้ทาง Apple เปิดตัว iPhone 4S ไปทั้งๆ ที่ ยังทำการตลาด iPhone 3GS และ iPhone 4 อยู่

อินเทอร์เน็ตหมายถึงอะไร? เชื่อว่าแทบทุกคนคงจะต้องเคยท่องเว็บกันทุกคนเป็นแน่ ไม่ว่าเข้าไป แวะชม เว็บไซต์ต่างๆ สนทนาออนไลน์ โหลดไฟล์ อัพโหลดไฟล์ ฯลฯ แต่คงจะมีไม่กี่คนจนนับได้ว่า อินเทอร์เน็ต (Internet) และ เว็บ หรือ เวิลด์ไวด์เว็บ (World Wide Web, W3 หรือ Web) จริงๆ แล้วหมายถึงอะไรกัน ว่ากันว่า อินเทอร์เน็ตหมายถึง เครือข่ายขนาดใหญ่ที่เชื่อมเอาเครือข่ายต่างๆ เอาไว้ด้วยกันไม่ว่าจะเป็นเครือข่าย ธุรกิจ รัฐบาล การศึกษา หรือแม้กระทั่งเครือข่ายท้องถิ่นเล็กๆ ฯลฯ หรือถ้าจะให้พูดกันอย่างง่ายๆ ก็คือ อินเทอร์เน็ตหมายถึง เครือข่ายของเครือข่ายต่างๆ ก็คงจะเข้าใจได้ง่ายขึ้น เมื่อเครือข่ายต่างๆ ถูกเชื่อมต่อเข้าไว้ด้วยกันแล้วมันก็ทำให้ง่ายต่อการติดต่อแลกเปลี่ยน ข้อมูล ข่าวสาร

จริงๆ แล้วมีหลายๆ คนเข้าใจผิดเกี่ยวกับคำว่า อินเทอร์เน็ต และ เวิลด์ไวด์เว็บ ว่ามีความหมายเหมือนกัน ซึ่งดูแล้วทั้งคู่ก็ดูจะหมายถึงระบบเครือข่ายเช่นกัน แต่! อินเทอร์เน็ตหมายถึง เครือข่ายของคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกันด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น สายทองแดง , ไฟเบอร์ออพติก หรือแม้แต่ระบบไร้สาย แต่สำหรับ เวิลด์ไวด์เว็บ หรือที่นิยมเรียกอีกชื่อว่า เว็บ นั้นจัดเป็นเป็นบริการบนอินเทอร์เน็ตซึ่งซึ่งจะเป็นเครือข่ายของหน้าเว็บที่ประกอบไปด้วยข้อมูลประเภท ข้อความ หรือ มัลติมีเดียประเภทรูปและเสียง โดยแต่ละหน้าเว็บเพ็จจะเชื่อมต่อกันด้วย URLs (Uniform Resource Locator) หรือ ไฮเปอร์เทกซ์ (Hypertext) โยงใยเป็นเครือข่ายใยแมงมุม โดยใช้โปรโตคอล HTTP (HyperText Transfer Protocol) สำหรบแลกเปลี่ยน ข้อมูล ข่าวสาร

เอาเป็นว่าทีนี้ เราก็คงจะรู้กันละว่า อินเทอร์เน็ตหมายถึงอะไร? ส่วน เวิลด์ไวด์เว็บ ก็คงจะรู้กันแบบคร่าวๆ แต่ก็คงทำให้ทราบความหมายอยู่บ้างนิดๆ

ทำไม ใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง? จริงๆ แล้วที่เราเห็นใบไม้มีสีเขียวนั้น เพราะว่าในใบไม้มีรงค์วัตถุที่ให้สีเขียวอยู่ในปริมาณมากชื่อ คอโรฟิลล์ (Chlorophyll) นอกจากนี้ในใบไม้ยังมีรงค์วัตถุที่ให้สีอื่นๆ อยู่ด้วยแต่ก็มีปริมาณน้อยเมื่อเทียบกับคลอโรฟิลล์ นี่เองเป็นสาเหตุที่ทำให้เรามองเห็นใบไม้มีสีเขียว ปริมาณแสงแดดจะเป็นตัวกำหนดในการสร้างคลอโรฟิลล์ของพืช ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปริมาณแสงแดดต่อวันมีปริมาณน้อยลงทำให้พืชผลิตคลอโรฟิลล์น้อยลง ทำให้สัดส่วนแสงสีเขียวที่เราเห็นจากใบไม้ลดลงและมีสัดส่วนของสีอื่นๆ เพิ่มขึ้นมาแทน

ในช่วงนี้พืชจะผลิตรงค์วัตถุ แอนโธไซยานิน (Anthocyanin) ซึ่งเป็นรงค์วัตถุที่ให้สีแดงในปริมาณมากขึ้น ยังมีรงค์วัตถุที่ให้สีอีกตัวคือ คาโรทีนอยด์ (Carotenoid) ซึ่งให้ สีส้ม สีเหลือง และ สีแดง แต่ตัวแคโรทีนอยด์นั้นจริงๆ แล้วจะให้สีเหลืองในปริมาณมากที่สุด สำหรับคาโรทีนอยด์นั้นปริมาณการผลิตไม่ได้ขึ้นอยู่กับปริมาณแสง แต่เป็นผลอันเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนของรงค์วัตถุต่างๆ ที่ให้สีในใบไม้ ดังนั้นเมื่อใบไม้มีปริมาณ แอนโธไซยานิน และ คาโรทีนอยด์ ในปริมาณมากจึงทำให้เรามักจะมองเห็นใบไม้เปลี่ยนเป็น สีส้ม ในฤดูใบไม้ร่วง

แต่สำหรับพืชที่ยังมีปริมาณ คาโรทีนอย์ ในปริมาณปกติ แต่มีปริมาณ แอนโธแซนยานิน ในปริมาณน้อยจะทำให้เรามองเห็นใบของพืชชนิดนั้นเป็นสีเหลือง จริงๆ แล้วก็ยังมีรงค์วัตถุที่ทำให้ใบไม้มีสีอื่นๆ อีกเช่น แทนนิน (Tannin) ที่ทำให้เราเห็นใบของพืชบางชนิดเป็นสีน้ำตาลเช่นใบของต้นโอ๊ก (Oak)

อุณหภูมิเองก็ยังมีผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี (Chemical Reaction) ในใบพืช ดังนั้นมันก็มีบทบาทในการกำหนดการเปลี่ยนสีของใบไม้อยู่บ้าง แต่สิ่งที่มีบทบาทที่ทำให้ใบไม้เปลี่ยนสีมากที่สุดก็คือ ปริมาณแสงแดด ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงหากท้องฟ้าสดใสมีแสงแดดมีมากเพียงพอ พืชจะผลิตแอนโธไซยานินในปริมาณมากทำให้เรามองเห็นใบพืชมีสีส้ม แต่ในวันที่ท้องฟ้าอึมคึมเราจะมองเห็นใบพืชเป็น สีเหลือง หรือ สีน้ำตาล แทน

คงจะเคยฟังหรืออ่านข่าว ภัยจากอินเตอร์เน็ต กันอยู่บ้าง อินเตอร์เน็ตในโลกยุกต์ปัจจุบันคือแหล่งของจ้อมูลอันมหาศาล แหล่งที่หลายๆ คนเข้ามาใช้สรรหาผลประโยชน์ แหล่งที่ นักเรียน นักศึกษา ใช้ค้นคว้าหาข้อมูลประกอบการเรียน แต่ก็เป็นแหล่งที่เหล่ามิจฉาชีพแฝงตัวมาหาผลประโยชน์เช่นกัน จนบางครั้งก็รู้สึกหวั่นกับ ภัยจากอินเตอร์เน็ต อยู่เหมือนกัน

หลังจากคลุกคลีอยู่ในโลกอินเตอร์เน็ต จนแทบจะได้ว่าลืมโลกแห่งความเป็นจริงไปแล้ว จนวันนี้ไม่รู้เป็นไงมีความรู้สึกอยากจะเขียนบันทึกเรื่อง ภัยจากอินเตอร์เน็ต ไว้ในเว็บดูบ้าง ดูเป็นสีสันของเว็บ เอาเป็นเรื่องชนิดผ่านหูผ่านตา เรื่องประสบการณ์ที่เจอมามันดูจะคุยกันได้เป็นธรรมชาติมากกว่าจะพูดเรื่อง ทฤษฎี

ฟิชชิง (Phishing)

เจ้า ฟิชชิง (Phishing) จัดว่ามันเป็น ภัยจากอินเตอร์เน็ต ที่ค่อนข้างน่ากลัวทีเดียว วิธีการก็คือมิจฉาชีพอาจจะสร้าง E-Mail หลอกๆ เช่นอาจจะเป็น E-Mail จากธนาคารให้เราคลิกลิงค์เพื่อเข้าไปที่หน้าเว็บที่ทำขึ้นมาหลอกๆ แต่เหมือนเว็บจริงมากๆๆ จุดประสงค์ห็เพื่อให้เรากรอกเข้อมูลอธิเช่น หมายเลขบัตรเครดิต รหัสผ่าน ชื่อผู้ใช้ คงไม่ต้องเอ่ยถึงว่ามิจฉาชีพจะเอาข้อมูลเหล่านี้ไปทำอะไร แต่ก็ใจชื้นขึ้นมาเยอะเมื่อทุกๆ ธนาคารในเมืองไทยนำระบบแจ้งหมายเลข OTP เพื่อคุ้มครองเจ้าของบัญชี อันนี้คงจะพูดได้ว่า โลกออนไลน์ให้ความสะดวกแต่ก็ต้องระวัง ภัยจากอินเตอร์เน็ต เช่นกัน

เด็กใช้อินเตอร์เน็ตเป็นแหล่งเรียนรู้

ม้าโทรจัน (Trojan Horse)

เจ้า ม้าโทรจัน (Trojan Horse) เจ้าตัว ภัยจากอินเตอร์เน็ต ตัวต่อมา มีความน่ากลัวไม่แพ้กัน จริงๆ มันก็คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่แอบมาฝังตัวในคอมพิวเตอร์ เพื่อคอยจับ เอาข้อมูลเราเช่น ชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน หรือข้อมูลสำคัญที่ใช้ในการทำธุรกรรมสำคัญๆ ทางอินเตอร์เน็ตนั่นเอง จะเอาไปทำไมก็คงรู้ๆ กันอยู่ สำหรับเจ้า ภัยจากอินเตอร์เน็ต ตัวนี้มันเข้ามาในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราได้ไง ก็ขาหื่นที่ชอบแวะไปโหลดภาพสาวสวยๆ งามๆมาดู วิดิโอฟรีต่างๆ โหลดเกมส์ ฯลฯ อันนี้น่าจะเรียกได้ว่า รับ ภัยร้ายจากอินเตอร์เน็ต เพราะความคะนองหรืออยากได้ของฟรีก็ได้

โปรแกรมสนทนาออนไลน์

โปรแกรมสนทนาออนไลน์ฮิตๆ อย่าง MSN Messenger, Skype, Camforg ฯลฯ จัดเป็นโปรแกรมที่เด็กๆ วัยรุ่น ชอบใช้คุยกันสนุกๆ ด้วยภาษาประหลาดๆ ก็อาจจะกลายเป็น ภัยจากอินเตอร์เน็ต สำหรับเด็กๆ หรือวัยรุ่นโดยคาดไม่ถึงเช่นกัน ยิ่งวัยกำลังคึกคะนองด้วยแล้ว ขอโทษที เชื่อไม่เชื่อ ก็ลองใช้คำเช่น หลุดแคมนักเรียน หลุดแคมนักศึกษา ฯลฯ ทำนองๆ นี้ ไปค้นหาจาก Google ดูสิ แล้วจะรู้ว่าทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ดีไม่ดีอาจจะถูกอัดลงแผ่นเป็นดาราหน้าใสค่าตัวฟรีไปแล้วก็ได้ หรืออาจะเป็น ภัยจากอินเตอร์เน็ต ประเภทมีลิงค์เว็บไซต์โผล่มาหลอกๆ ให้เราคลิกเข้าไปแล้วได้ไวัรัสมาเป็นของแถมประคอมพิวเตอร์ก็ได้ ยินดีต้อนรับ ภัยจากอินเตอร์เน็ต

สังคมเครือข่าย (Social Network)

จะเชยน่าดูถ้าไม่พูถึง สังคมเครือข่าย  (Social Network) อย่าง Facebook, Twitter, Hi5 ฯลฯ เจ้าบันทึกตัวเล็กๆ แต่ก็เต็มไปด้วยประโยชน์สำหรับการแชร์ข่าวสาร แต่ก็แฝงไปด้วย ภัยร้ายจากอินเตอร์เน็ต เช่นกัน เอาเป็นว่าเป็นความรับผิดชอบส่วนบุคคลแล้วกัน โพสท์เรื่องดีๆ ไปมันก้จะเป็นสิ่งที่ดีกับคนรับข่าวสาร แต่ถ้าโพสท์แอบฝังวัตถุประสงค์ร้ายๆ มันก็จะกลายเป็น ภัยจากอินเตอร์เน็ต แบบทันสมัยละสิ

ร้านขายสินค้าออนไลน์ (E-Commerce)

จริงๆ เกือบลืมจะพูดถึงร้านขายสินค้าออนไลน์ซะแล้ว คนทำมาค้าขายจริงๆ ส่วนใหญ่เขาก็ตั้งใจจะขายสินค้าจริงๆ นะแหละ แต่พวกแอบแฝงมาสร้าง ภัยจากอินเตอร์เน็ต เปรอะเปื้อนคนทำมาหากินดีๆ ที่ได้ยินข่าวบ่อยๆ ก็หลอกขายสินค้าทางอินเตอร์เน็ต โอนเงินแล้วไม่ส่งสินค้าให้ ก็ได้แต่ของแนะว่าให้เลือกร้านลงทะเบียนอย่างถูกต้อง สังเกตอีกอย่างก็คือ ให้ที่อยู่ชัดเจน  มีเบอร์โทรศัพท์บ้านอ้างอิงใช้ตรวจสอบกลับได้ (สำหรับเบอร์โทรศัพท์มือถือ อย่าวางใจเลย เพราะว่าซิมมันมีเกลื่อนไปหมด) ข้อแนะนำนิดๆ หน่อยๆ เหล่านี้ก็ถือว่าใช้ปล้องกัน ภัยจากอินเตอร์เน็ต ได้ระดับหนึ่ง

ว่ากันแล้ว ภัยจากอินเตอร์เน็ต มันเป็นของแถมฟรีๆ ที่ไม่ค่อยอยากจะได้นัก ที่อยากจะได้จริงๆ กับอินเตอร์เน็ตก็คือ แหล่งข้อมูลกันมหาศาล ความสะดวกสบายในการทำธุระกกรมผ่านโลกออนไลน์ การทำโลกให้แคบลงด้วยการสื่อสารไร้พรมแดน  และอะไรต่างๆ อีกมากมายที่เป็นประโยชน์ หรือใครจะว่าไม่จริง

การค้นหาข้อมูลจาก Google

ดูแค่หัวข้ออย่าพึ่งตกใจคิดว่าเป็นเด็กไทย นี่เป็นตัวเลขที่ของเด็กอังกฤษ ว่ากันว่าเด็กๆ ยิ่งๆ โตขึ้น ยิ่งมีแนวโน้มในการรักการอ่านหนังสือน้อยลง แต่นิยมหันไปท่องโลกอินเตอร์เน็ตกันมากขึ้น ที่เห็นได้ชัดๆ คือจำนวนเด็กอายุ 14 -16 ปีที่หิ้วหนังสือให้เห็นนั้นมีจำนวนน้อยกว่าเด็กวัยประถมถึงสิบๆ เท่าเลยทีเดียว

โจนาธาน ดักลาส (Jonathan Douglas, the National Literacy Trust’s director-อังกฤษ) ได้แสดงความเป็นห่วงว่าเด็กเหล่านี้จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีนิสัยไม่รักการอ่าน “ให้เด็กๆ ได้กลับมาอ่านหนังสือและมีนิสัยรักการอ่าน จะเป็นการช่วยให้เด็กๆ ได้กลับเข้าโลกกว้างอันโสภา โลกที่เต็มไปด้วย โอกาส และ ความน่าพิสมัย ดีกว่าเป็นไหนๆ (Getting these children reading and helping them to love reading is the way to turn their lives around and give them new opportunities and aspirations.)”

ข้อคิดเห็น แหล่งข้อมูลมันมีวิวัฒนาการในตัวของมันเอง เอาให้เห็นชัดๆ แบบไทยๆ ก็ ศิลาจาลึก กระดานชนวน กระดาษ สมุด หนังสือ จนปัจจุบันก็เป็นอินเตอร์เน็ต หากมองในมุมมองแบบตรงข้ามกับคุณ โจโนธาน มันก็คือมันเป็นแหล่งข้อมูลอันมหาศาลทีเดียว ดีซะอีกจะได้ฝึกเด็กๆ ในเรื่องการค้นคว้าหาข้อมูลด้วยตัวเอง แต่ แต่ แต่ ในฐานะที่เป็นบุคคลหนึ่งที่ป้อนข้อมูลเข้าไปในโลกอินเตอร์เน็ต ถ้าหากนับรวมๆ ก็น่าจะร่วมๆ เป็นร้อยๆ เรื่องเข้าไปแล้ว ขอแสดงความคิดเห็นว่าข้อมูลมันมีทั้ง ที่เป็นจริง และไม่เป็นจริง มีการปรุงแต่ง อาจจะเขียนโดยผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆ จริงๆ หรืออาจจะไม่รู้อะไรเลยแต่ให้ข้อมูลผิดๆ หรือเป็นข้อมูลเชิงแอบแฝงเพื่อหวังผลใดๆ ก็ตาม สำหรับเด็กๆ แล้ว การหาข้อมูลออกมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นจาก อินเตอร์เน็ต หนังสือ หรือแหล่งข้อมูลต่างๆ ก็ตาม ที่สำคัญก็คือควรรู้จักวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มาก่อนนำไปใช้งาน  หาไม่แล้วจะเป็นประเภทเชื่อข้อมูลทุกๆ ข้อมูลที่ได้มา หรือที่นิยมพูดกันติดปากก็คือ “ใครพูดอะไรอะไรก็เชื่อไปหมด ใครจูงไปไหนไปไหนก็ไปไปหมด ไม่เคยคิดจะวิเคราะห์อะไรเลย”

วันนั้นช่วงดึกหน่อย กำลังเดินทางกลับจากต่างจังหวัด ขณะขับรถลงจากทางด่วนมาได้ไม่เท่าไหร่ เสียงดังแสบแก้วหู “แว้น แว้น” เข้ามาเรียงรายล้อมภาพที่เห็นถนัดตาไม่มีวันลืมก็คือ กลุ่มเด็กวัยรุ่นอายุอานามก็ราวๆ 15-28 ปี จะให้คาดคะเนก็ร่วมร้อยชีวิต ขับขี่มอเตอร์ไซค์ล้อมหน้าล้อมหลัง นี่เราเจอ เด็กแว้น ด้วยตัวเองเลยเหรอ ในรถวันนั้นมีด้วยกันถึง 3 ชีวิต พ่อ แม่ และ ลูกชาย ที่จะต้องดูแลในฐานะผู้ขับ สิ่งที่ดีที่สุดในสถานการณ์แบบนี้ก็คือสติไม่ใช่อารมณ์ เด็กแว้น ก็คือกลุ่มเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง ก็เลยตัดสินใจที่ไม่ออกไปโวยวาย ชะลอรถให้ช้าลง ปล่อยให้กลุ่มเด็กแว้นขับผ่านไป

พูดถึง เด็กแว้น เด็กแซป และ สาวสก็อย แล้ว หากไม่เอ่ยถึงก็ดูเหมือนเราจะตกเทรนด์กระแสไปบ้าง จะเอาเป็นว่า วันนี้เรามาแชร์ ความรู้ และสนทนากันเรื่อง เด็กแว้น กันบ้างดีกว่า

เด็กแว้น หมายถึงใคร

ภาพ เด็กแว้นขณะรวมกลุ่มขับขี่มอเตอร์ไซค์ป่วนเมือง

ถ้าหากกล่าวถึง เด็กแว้น ทุกคนคงจะนึกถึงภาพ เด็กวัยรุ่นอายุอานามก็ราวๆ 15-28 ปี ที่ชอบนัดรวมพลกันแถวๆ ชานเมือง ขับขี่มอเตอร์ไซค์มี สาวสก็อย นั่งซ้อนท้ายไป อาจจะรวมกลุ่มกันเพื่อนขับขี่มอเตอร์ไซค์กันเป็นกลุ่มๆ หรือ จะเพื่อแข่งขันประลองความเร็วก็แล้วแต่ แต่ที่แน่ๆ คือ เด็กแว้น เหล่านี้ก่อเสียงดังรบกวนในยามพักผ่อนของหลายๆ คนเป็นแน่  และที่แน่นอนก็คือมันสุ่มเสี่ยงทำให้เกิดอุบัติเหตุถึงชีวิต ไม่ใช่เฉพาะตัว เด็กแว้น เอง แต่มันรวมถึงผู้สัญจรใช้ถนนหนทางทั่วๆ ไปที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อีกด้วยสิ

เอาเป็นว่าเรามารู้จักคำว่า เด็กแว้น ด้วยความหมายที่เป็นทางการกันบ้างดีกว่า  ราชบัณฑิตสถาน ได้จัดพิมพ์ พจนานุกรมคำใหม่เล่ม 1 หรือพจนานุกรมฉบับวัยรุ่น โดยมี ศ.ดร. กาญจนา นาคสกุล เป็นประธานคณะกรรมการจัดทำ ซึ่งรวมถึงความหมายของคำว่า เด็กแว้น ไว้ด้วย โดยได้ให้ความหมายไว้ว่า “วัยรุ่นผู้ชายที่ชอบเร่งเครื่องมอเตอร์ไซค์ให้มีเสียงดังแว้นๆ”

จริงๆ แล้วในอดีต เด็กแว้น จะรู้จักกันในนาม เด็กแซป ก็ไม่ได้หมายถึงกลุ่มที่ชอบขับขี่มอเตอร์ไซค์ กวนเมืองไปซะอย่างเดียว แต่จะตีความหมายไปถึง กลุ่มวัยรุ่นที่ชอบสร้างพฤติกรรมให้โดดเด่นในทางที่ไม่เหมาะสมเช่น มั่วสุมตามแหล่งมั่วสุม หรืออบายมุกต่างๆ ยกพวกก่อการทะเละวิวาทกันอยู่บ่อยๆ ใช้เวลาว่างในการตกแต่งมอเตอร์ไซค์ เพื่อรวมกลุ่มกันในยามค่ำคืน เพื่อขับขี่มอเตอร์กวนเมือง หรือ แข่งขันกันก็แล้วแต่ แต่คำว่า เด็กแว้น เข้าใจว่าน่าจะมาจากเสียงมอเตอร์ไซค์ที่ตกแต่งให้เครื่องแรง เสียงดัง “แว้น แว้น” จนเรียกกันติดปากว่า เด็กแว้น

จะพูดก็พูดเถอะ แรกๆ ที่พยายามหาข้อมูลเรื่องนี้ เด็กแว้น หรือ เด็กแซป นี่ ก็ทำให้คิดไปว่า เราเกิดเร็วไป หรืออาจจะเป็นคนอีสานโดยกำเนิด คำว่า เด็กแซป นี่ไม่เคยได้ยินจริงๆ แต่ตามภาษาบ้านๆ ตามชีวิตวัยรุ่นที่ผ่านมาเวลาไปเที่ยวงานตามงานประจำอำเภอ งานวัด หรือ อะไรก็แล้วแต่ แถวๆ บ้านจะเรียกกลุ่มวัยรุ่นที่มีพฤติกรรมแบบนี้ว่า  จิ๊กโก๋ กันมากมากว่า เอาเป็นว่า แถวๆ เวทีรำวง วงดนตรี จะมีกลุ่มจิ๊กโก๋ นั่งล้อมวงดื่มเหล้าขาวกันแทบทุกงาน บ่อยๆ ที่เห็นผ่านหูผ่านตาในชีวิตวัยรุ่นก็คือ เห็นกลุ่ม จิ๊กโก๋ วิ่งกรู นั่นคือสิ่งที่เราชินตาว่า จิ๊กโก๋ ยกพวกตีกันอีกแล้ว

หากเสพข่าวกันบ่อยๆ คงปฏิเสธไม่ได้กับภาพเด็กหญิงสาววัยรุ่น นั่งสอยห้อยท้ายมอเตอร์ไซค์ของ เด็กแว้น ตามศัพท์ที่ได้ยินมารู้สึกจะเรียกสาววัยรุ่นเหล่านี้ว่า สาวสก็อย กัน นี่ก็เป็นความรู้ใหม่ที่ได้รับมาเหมือนกัน

พ่อ แม่ หรือผู้ปกครอง บทบาทหน้าที่ในมุมมองด้านกฎหมาย

“ความเป็นจริงแล้ว พ่อ แม่ หรือผู้ปกครองของเด็ก มีหน้าที่ที่จะต้องอบรมสั่งสอน และพัฒนาเด็กที่อยู่ในความปกครองของตนเอง ตามสมควรแก่ขนบธรรมเนียมประเพณี

ในกฎหมายใหม่ ตาม พ.ร.บ. ได้กำหนดไว้ว่า เด็ก หมายถึง บุคคลซึ่งอายุไม่เกิน 15 ปี บริบูรณ์ ส่วนเยาวชน หมายถึงบุคคลที่อายุเกินกว่า 15 ปีบริบูรณ์  แต่ยังไม่ถึง 18 ปีบริบูรณ์

การที่เด็กกระทำความผิด หากเกิดจาก การที่ พ่อแม่ปล่อยปละละเลย หรือ ยินยอม ให้เด็กประพฤติตัวไม่สมควร หรือ น่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติที่เสี่ยงต่อการกระทำความผิด หากฝ่าฝืนจะต้องรับผิดทางอาญา จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน สามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ดังนั้น พ่อ แม่ หรือผู้ปกครอง ต้องช่วยกันสอดส่องดูแลไม่ให้ เด็ก หรือ เยาวชนไปกระทำความผิด ไม่เช่นนั้นแล้ว พ่อ แม่ หรือผู้ปกครองจะต้องมีความผิดทางอาญาไปด้วย”

เด็กแว้น ในมุมมองของจิตแพทย์

พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ ผอ.สำนักพัฒนาสุขภาพจิต กล่าวว่า “วัยรุ่นที่เสพติดความสนุกสนานในลักษณะชอบความป่วน อันเนื่องมาจากปัญหาพัฒนาการโดยตรง เช่น ล้มเหลวเรื่องการเรียน ความล้มเหลวนี้ทำให้พวกเขาไปแสวงหา ความสนใจ หรือการได้รับการยอมรับนอกห้องเรียน จิตแพทย์ระบุว่า พฤติกรรมของ เด็กแว้น ถือเป็นพฤติกรรมการเสพติดชนิดหนึ่ง ซึ่งเวลาเด็กเสพความตื่นเต้นบ่อย ๆ ก็จะติด เช่นเดียวกับ การติดเกมหรือติดการพนัน”

เด็กแว้น เด็กแซป สาวสก็อย ก็ถือว่าเป็นเยาวชน เป็นส่วนหนึ่งของชาติ หากถามว่าใครใกล้ชิดเยาวชนเหล่านี้มากที่สุด คำตอบก็คือ พ่อ แม่ หรือผู้ปกครอง ใส่ใจสักนิด เยาวชนในวันนี้คืออนาคตของชาติในวันข้างหน้า

ขอขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูล

• เด็กแว้น และภาพ เด็กแว้น, จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี, http://th.wikipedia.org/เด็กแว้น
• พ่อแม่ยินยอมให้เด็กขับรถแข่งผิดกฏหมาย, หนังสือพิมพ์เดลินิวส์, ฉบับวันที่ 17 มิถุนายน 2554, หน้า 34
• เด็กแว้น-สาวสก๊อยมะเร็งร้ายทำลายเยาวชน, เว็บไซต์คุณ สายสวรรค์ ขยันยิ่ง, http://www.saisawankhayanying.com/s-featured/wap-of-children/