เตรียมอนุบาล ทางเลือกหนึ่งสำหรับ คุณพ่อ คุณแม่ ในสังคมเมือง ที่ต้องออกไปทำงานนอกบ้านทั้งคู่ ไม่มีเวลาอยู่กับลูก ต้องฝากเจ้าตัวเล็กไว้กลับคุณครูใจดี
ในชิวิตของความ เป็นพ่อ เป็นแม่ มนุษย์เงินเดือน ที่ต้องออกไปทำงานนอกบ้านทั้งคู่ ชนิดที่ไม่มีใครดูแลลูกให้ ทางออกหนึ่งที่นิยมกันมากก็คือการส่งลูกเรียน เตรียมอนุบาล หากใครใช้ชีวิตในบ้านกล่อง (คอนโด) หรือ แม้แต่หมู่บ้านจัดสรร คงจะชินตากับภาพ สถานรับเลี้ยงเด็ก (หรือ เนอสสารี่ ที่เราๆ เรียกกันติดปากอยู่ทุกๆ วัน)
กับเด็กเล็กๆ อายุยังไม่ถึง 3 ขวบ ช่วงเช้าจนถึงประมาณบ่าย คงจะต้องทำกิจกรรมตามภาษาเด็กเล็ก อยู่ที่ เตรียมอนุบาล จากนั้นจนถึงช่วงเย็นๆ ก็จะถูกฝากไว้กับสถานรับเลี้ยงเด็ก กว่าพ่อแม่จะมารับก็คงประมาณเย็นๆ อันนี้เป็นภาพชินตาจริงๆ
เด็กวัย 2 ขวบ กับชีวิต เตรียมอนุบาล วันแรกที่ส่งลูกที่โรงเรียนกล้ารับประกันเลยว่า เกือบ 100% เด็กร้องให้กันทุกคง คงจะกลัวการที่ต้องห่าง พ่อ แม่ แต่คุณครูนี่ก็เก่งจริงๆ มีจิตวิทยาดีจริงๆ เผลอแป๊ปเดียวไม่วันลูกติดนิสัย เด็กเตรียมอนุบาล ซะแล้ว เช้ามาคุณแม่ไปส่งหนูเร็วๆ หน่อย แต่ก็ไม่แน่นะ! เคยเห็นเด็กข้างบ้านบางคน ร้องให้โยเยก่อนไปโรงเรียน ตั้งแต่วันแรกยันปิดเทอมเลยก็มี (ปิดเทอมคงใช้บริการสาถานรับเลี้ยงเด็กเต็มวันแล้วสิ เฮ๊อชีวิตคนเมือง)
เตรียมอนุบาลสำหรับลูกรัก
- พ่อ แม่ คงต้องหาเวลาเพื่อดูว่า เตรียมอนุบาล ที่ไหนดี สถานที่โล่ง สะอาด และปลอดภัยสำหรับเด็กตัวเล็กๆ อย่าลืมว่าต้องเน้นมีของเล่นเสริมปัญญาเด็กเล็กด้วยนะ
- คุณครูสำหรับ เตรียมอนุบาลนั้น คุณพ่อ คุณแม่ สอบถามเลยว่าจบเอกปฐมวัยหรือไม่ ควรจะร่ำเรียนมาทางนี้โดยตรง เพราะมีจิตวิทยาที่ดีสำหรับนำมาประยุกต์ใช้กับเด็กๆ
- คุณพ่อ หรือ คุณแม่ ก็แล้วแต่ อย่าลืมตีซี๊กับคุณครู เตรียมอนุบาล ของลูกให้ดีหละ คุณครูจะบอกเราได้ถึงกิจกรรมของเด็ก เตรียมอนุบาล ในแต่ละวัน บางวันเราจาได้ถามความเป็นไปของลูกในแต่ละวันได้อีกด้วย
- ดีนะ ฝึกลูก รู้จักเข้าสังคมตั้งแต่ยังเล็ก มีเพื่อน คุย เล่น สนุกสนาน ตามภาษาเด็ก เด็กบางคนนะก่อนเข้า เตรียมอนุบาล พูดจาแทบไม่ได้เลยซักคำ แต่มาเจอเพื่อน เจอสังคม เผลอแป๊บเดียวพูดได้ป๋อเลย เด็กก็ยังต้องปรับตัวเลยเนาะ
- เตรียมอุปกรณ์ เตรียมอนุบาล ให้ลูกด้วยนะ ผ้าปูนอน สำหรับให้ลูกนอนกลางวัน ชุดเสื้อผ้าสำรอง เอาไว้เปลี่ยนยามฉุกเฉิน (ลูกเรายังเคยฉี่ใส่กางเกงเลย เค๊าไม่กล้าบอกครู หุหุ) หากลูกป่วยก็อย่าลืมฝากยาให้คุณครูป้อนให้ด้วยนะ (เคยประจำขอบอก)
- ชีวิต เตรียมอนุบาล ของลูก เชื่อไหม? เย็นกลับมานะ ในกระเป๋าลูกไม่รู้มีของๆ ใครต่อของใครเต็มไปหมด (ยางลบเอย ดินสอสีเอย ของเล่นเอย ฯลฯ) ของลูกเราก็ไปอยู่กับใครก็ไม่รู้ นี่เป็นประสบการณ์เลยว่าต้องเขียนชื่อสำหรับอุปกรณ์ต่างๆ ให้ลูก จาได้ไม่หลง หรือถ้าหลงกันจาได้คืนได้ถูก
- อย่าลืมอะไรที่คุณหมอแนะให้ลูกมา เวลาลูกไป เตรียมอนุบาล ละก็ ฝากๆ คุณเครูเขาไว้หน่อยนา สำคัญนะข้อนี้ บอกแล้วให้ตีซี๊กับคุณครูไว้
เตรียมอนุบาล เขาว่ากันว่า
- เตรียมอนุบาล เป็นสิ่งน่าสะพรึงกลัวสำหรับ คุณพ่อ คุณแม่ จะว่าด้วยลูกยังเล็ก เด็กแต่ละคนก็มีพัฒนาการไม่เท่ากัน บ้างก็ยังช่วยตัวเองไม่ได้ บ้างก็คิดว่าเร็วเกินไปสำรับการให้ลูกเข้าโรงเรียนไหม แต่หากฟังจากคุณครู เตรียมอนุบาล คงจะได้รับคำตอบดีๆ เช่น อย่าห่วงไปเลย คุณลูกจะสนุกสนานกับเด็กๆ ในวัยเดียวกัน มีกิจกรรมสนุกให้เจ้าตัวเล็กทำในแต่ละวัน เด็กจาเพลินจนไม่อยากกลับบ้านเชียว เตรียมอนุบาล จะช่วยเตรียมความพร้อมสำหรับเจ้าตัวเล็ก ที่จะก้าวไปเรียนชั้นอนุบาล ได้อย่างสบาย
- กับประสบการณ์ที่จะเรียกว่า วิตกจริตก็ไม่เชิง รู้ไหมในขณะทำงานนี่เป็นห่วงลูกไปต่างๆ นาๆ กลัวช่วงเย็นลูกขึ้นรถเพื่อไปเนอสรี่ต่อหรือยัง กลัวที่สุดมากจริงขอสารภาพจากใจก็คือ กลัวลูกโดนขโมย กลัวแก๊งลักเด็ก แม้โรงเรียนจะมีป้ายสำหรับผู้ปกครองมารับบุตรหลาน ฯลฯ แต่มันก็อดห่วงไม่ได้
จริงๆ เรื่องนี้เล่าจากประสบการณ์จริงๆ ในชีวิต เตรียมอนุบาล ของลูก อยากนะ! อยากให้หลายๆ คนที่เข้ามาอ่านลองแสดงความคิดเห็นตัวเองดูบ้าง จะได้มีหลายๆ มุมมอง แชร์ๆ กัน
ลูก 2.4 ปี จะให้เข้าอนุบาลเหมือนกัน ตอนนี้อยู่เนอสเล็กๆ มีเด็ก 3 คน พี่เลี้ยง 2 คน แลดูอบอุ่น ทั่วถึง แต่เคยไปดูโรงเรียนหลายที่เพื่อให้เข้าเดรียมตั้งแต่ 2 ขวบ แล้วก็ไม่กล้า สงสารลูก เพราะเด็กประมาณ 30 ครูแค่่ 3-4 คนไม่แน่ใจ จบปฐมวัยโดยตรงหรือเปล่าก็ไม่รู้ ดูจากท่าทางแล้วไม่ใช่อ่ะ ตอนนี้ ว่าจะให้ไปเพราะกลัวช้า ก็คิดแบบกลัวๆๆ ตลอดเลยๆ ว่าจะเป็นงัย แต่คิดแบบบวก ลูกคนอื่นเขายังไปได้ แล้วทำไมลูกเราจะไม่ได้ ต้องลองค่ะ
มีลูกสองขวบพอดี มีเหตุจำเป็นที่ต้องให้เข้าเตรียมอนุบาลเพราะพี่เลี้ยงที่เคยเลี้ยงป่วย ไม่สามารถดูแลต่อได้อีก กลุ้มมากค่ะ เมื่อวานไปดูร.ร.ที่เป็นเป้าหมายว่าจะให้เข้า ภาพรวมก็ดี สถานที่ก็ไม่ถือว่าดีมากยังถือว่าแออัดอยู่ แต่เห็นว่าคุณครูดุแลดี มีนักเรียน 35 คน ครู 3 คน สำหรับเด็กเตรียม พอดีไปช่วงเลิกเรียน เห็นเด็กร้องไห้โยเยเต็มไปหมดเพราะเพื่อนกลับแล้วบางส่วนแต่ตัวเองยังไม่ได้กลับ ด้วยเวลาทำงานของพ่อแม่จึงกลัวว่าลูกจะเกิดปัญหาแบบนั้น อีกอย่างไม่ได้เตรียมลูกไว้ ยังนอนเปล ยังดูดนมขวดอยู่เลย กังวลมากว่าถ้าถึงเวลาเขาง่วงนอนถ้าไม่มีเปลเขาจะไม่นอนและร้องไห้ จะหาพี่เลี้ยงใหม่ก็คงไม่ได้เพราะคงติดพี่เลี้ยงเก่า แต่ถ้าให้อยู่ร.ร.กับเพื่อนนี่เขาน่าจะสนุกกว่า อยากได้คำปรึกษาและประสบการณ์คุณแม่ทั้งหลายที่เคยส่งลูกเข้าเรียนค่ะ ..ว่าจะทำยังไงให้ลูกยอมนอนที่นอนในตอนกลางวัน